บทที่ 4 3
หยุดงานไปหนึ่งปีแต่ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนไปมาก เพื่อนร่วมงานต่างดีใจที่เซลีนกลับมาทำงานอีกครั้งเพราะเสียดายฝีมือของเธอ แต่องศากลับไม่ชอบใจ ใช่เพราะเธอเก่งกว่าแต่เพราะลุคใหม่ของเธอต่างหาก เมื่อวานเซลีนใส่กระโปรงยาวแต่แหวกข้างจนแทบจะเห็นขอบกางเกงใน จริงอยู่ที่พอเมื่อเสื้อกาวน์สวมทับก็ไม่เห็นแล้ว แต่ตอนกินข้าวเที่ยงเธอถอดออกแล้วลอยหน้าอยู่โรงอาหาร ผู้ชายมองเธอตาเยิ้มแบบนั้นเขาไม่ชอบเลย
“ตอนเช้าไม่ใช่ชุดนี้นี่”
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมโผล่มาจากมุมหนึ่งของกำแพงทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องฉุกเฉิน เซลีนที่เพิ่งแยกจากแพทย์ประจำบ้านปีสามที่รับช่วงต่อจากนายแพทย์นิกม์ซึ่งรับเด็กเกินอัตรามากว่าหนึ่งปีแกล้งขำ
“แล้วยังไงอะคะ”
“ชุดเมื่อเช้ามันแบบ...” เธอยักไหล่ “เชยอะ แล้วมันยังไงเหรอ” องศาหน้ามุ่ย เธอทำเหมือนเขาเป็นผัวใจกว้างจะปล่อยให้เมียโชว์เนื้อหนังเป็นกำไรสายตาให้คนอื่น ชายหนุ่มดึงแขนคนตัวเล็กให้เข้าไปในห้องล็อกเกอร์ด้วยกัน
“แต่งตัวมิดชิดหน่อยไม่ได้หรือไงที่รัก”
“นี่ก็มิดชิดที่สุดแล้วบี๋”
มิดชิดที่สุดแล้ว...
ใช่สิ ข้างหน้าน่ะมิดชิดอยู่หรอก แต่ลองถอดเสื้อกาวน์แล้วจะรู้ว่าเสื้อตัวนี้เว้าหลังเหมือนเธอใส่ผ้ากันเปื้อนแต่ไม่มีอะไรข้างใน
“เปลี่ยนกลับไปใส่ตัวเดิมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“โอ๊ย เรื่องอะไร” เธอบอกปัดเชิด ๆ “ตัวนี้ดูดีจะตาย”
เมื่อเช้าหญิงสาวยังเป็นเมียแสนน่ารักอ่อนหวาน เขาว่าอะไรก็เชื่อฟังอยู่ในโอวาทอยู่เลย พอตอนนี้กลับเป็นแม่จอมแหกคอกยั่วโทสะเขาดีจริง ๆ เขาไม่รู้แล้วว่าเซลีนคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่แต่งงานมาช่วงนี้เธอช่างรับมือยากเหลือเกิน
“ขอตัวก่อนนะบี๋” หญิงสาวก้มมองข้อความที่ห้องฉุกเฉินเพจมา เพราะเพิ่งรับคนไข้เส้นเลือดในสมองแตกมาหนึ่งราย สัปดาห์นี้คนใน ER ไม่พอ เธอเป่าหูองศาให้ส่งแอ้มไปช่วย การทำงานหนักสัปดาห์ละสี่สิบหกชั่วโมงทำให้หล่อนแทบไม่มีเวลามาป่วนองศา ส่วนคนตรงหน้าวัน ๆ ก็เอาแต่ง่วงนอนเพราะฤทธิ์ยาที่เธอผสมในอาหารเช้าให้กิน แค่ทำงานจิปาถะก็ถือว่าหนักที่สุดแล้ว
เป็นหัวหน้าที่น่าสมเพชจริง ๆ
ในห้องฉุกเฉินเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นทุกวัน เช่นวันนี้รถบัสชนรถบรรทุกทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัส คัดกรองแล้วเป็นรหัสแดงต้องผ่าตัดด่วนหกราย ส่งผลให้บุคลากรไม่เพียงพอ เหล่าแพทย์ประจำบ้านก็ไม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหัตถการ แต่หมอแอ้มกลับขัดคำสั่งเพราะคนไข้รายหนึ่งเข้ามารักษาไส้ติ่งแตก หล่อนให้พยาบาลไปดูแล้วยังไม่มีอาจารย์แพทย์จากห้องไหนรักษาเรียบร้อย และเพราะหล่อนเคยได้รับมอบหมายทำเคสนี้ตอนนำผ่าตัดในบททดสอบครั้งแรกความมั่นใจจึงสูงลิ่ว
“เตรียมห้องผ่าตัดให้แอ้มที”
พยาบาลต่างมองหน้ากันเพราะลังเล อาการของคนไข้รอไม่ได้ก็จริงแต่โอกาสที่ความสูญเสียมีโอกาสเกิดขึ้นได้เพราะความไม่ชำนาญของแพทย์
“หมอเซลีนใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่เย็บปิดแผล” นางพยาบาลคนหนึ่งวิ่งมาบอก
“เราน่าจะรอหมอเซลีนก่อน” อีกคนพูด แอ้มชักสีหน้าเก็บอาการไม่อยู่ แต่อาจเพราะเป็นเรื่องที่มีเซลีนเข้ามาเกี่ยวข้อง แอ้มถึงตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยวกว่าทุกครั้ง
“เตรียมผ่าตัด ด่วน”
หล่อนคิดว่าน่าจะคุยกับองศาได้ไม่ยาก เขาต้องเข้าใจว่าหล่อนเห็นแก่ชีวิตคนไข้มากกว่าอยากแสดงความสามารถตัดหน้าเซลีน
ผู้หญิงคนนั้นเป็นศัลยแพทย์มือดีก็จริงทว่าเธอพักงานไปเป็นปี หล่อนคิดว่าหล่อนที่ทำงานหนักทุกวันทั้งวันทั้งคืนในแผนกสุดโหดนี้ก็มีภาษีสูสีกับฝ่ายนั้น ทว่าตั้งแต่เซลีนกลับมาทำงานองศาก็ไม่เห็นหัวหล่อนเลย ถ้าเคสนี้หล่อนทำออกมาดีองศาต้องพอใจ แถมคะแนนหล่อนก็จะพุ่งนำหน้าเพื่อนในทีมด้วย แต่ในจังหวะที่หล่อนกำลังจรดมีดลงผิวหนังคนไข้ เซลีนในชุดพร้อมผ่าตัดก็เข้ามาเสียก่อน
“สั่นขนาดนี้ ออกไปตั้งสติก่อนดีกว่าหมอแอ้ม”
มือเรียวของเซลีนดึงมีดจากมือหล่อนอย่างละม่อม แอ้มหันขวับมองหน้าอาจารย์แพทย์คนสวยที่รั้งตำแหน่งภรรยาในทะเบียนของคนที่หล่อนรัก แต่สายตาดุเข้มของเธอกลับทำให้หล่อนไม่กล้าแสดงสีหน้าหงุดหงิดทำได้เพียงเดินออกไปเงียบ ๆ
แต่แอ้มกลับทิ้งความผิดพลาดครั้งใหญ่เอาไว้ในห้องผ่าตัด
คนไข้เสียชีวิตในห้องผ่าตัดแต่สาเหตุหาใช่ภาวะไส้ติ่งอักเสบ ทว่าเป็นเพราะปริมาณยาชาที่ฉีดเข้าไขสันหลังอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งคนฉีดคือแอ้มแพทย์ในความดูแลขององศาเอง แถมที่เป็นแบบนั้นเพราะหล่อนไม่รอเซลีนกับวิสัญญีแพทย์ซึ่งไม่เพียงพอเช่นกัน
“ที่มาบอกบี๋ก็เพราะอยากให้บี๋เป็นคนตัดสินใจเอง เรื่องนี้ก็เข้าใจได้ในส่วนของหมอแอ้ม เพราะแนวทางของกระทรวงฯ ก็บอกไว้ว่าเราทำได้ แต่ถ้ารออีกนิดคนไข้อาจจะไม่ตายก็ได้ ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับบี๋แล้วว่าจะเอายังไง”
“เรื่องนี้มีใครรู้มากน้อยแค่ไหน”
เซลีนหรี่ตามองสามีนิดหน่อย คำถามแบบนี้คงยืนยันได้แล้วว่าเธอตัดสินเขาไม่ผิดแน่ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นความจริงที่น่าผิดหวังอยู่ดี
“แค่เค้าคนเดียว” เธอโกหกเขา ชายหนุ่มจะเลือกพวกพ้องหรือจริยธรรมก็คงจะวัดกันตรงนี้
“งั้นอย่าเพิ่งบอกใครนะเซล” องศาจ้องเธอด้วยสายตาอ้อนวอน
เซลีนกลืนน้ำลายลงคอ เธอน้อยใจเขาอยู่ลึก ๆ ที่เพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วชายหนุ่มยอมทิ้งจรรยาบรรณ แต่มันก็ไม่ได้ผิดจากที่เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา
“ไม่ใช่เพราะว่าเค้าเคยนอนกับแอ้มหรอก” องศาเอื้อมมือไปคว้ามือเรียวมากุมไว้ ดวงตาอ้อนวอนแปรเปลี่ยนเป็นจริงใจ รู้ดีว่าตอนนี้ภรรยารู้สึกอย่างไรและเขาจะไม่ปล่อยผ่าน “...ถ้าคนที่พลาดเป็นที่รัก เค้าก็คงจะคิดหนักไม่ต่างกัน”
“เข้าใจ”
“แล้วถ้าที่รักเป็นเค้า ที่รักจะทำยังไง” องศาถามเสียงอ่อน
ท่าทางเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้ทำเคสหนัก ๆ เพราะสุขภาพร่างกายมีปัญหา ด้านเซลีนก็คิดว่าต่อไปคงต้องเลิกวางยานอนหลับเขาแล้ว เพราะนอกจากจะอยากใช้ความสามารถของเขาให้เป็นประโยชน์ ตอนนี้การจะทำลายความก้าวหน้าขององศามีอีกหลายทาง
“ใจเค้าไม่เป็นกลาง พูดอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก” เธอตอบด้วยคำพูดที่ปลอดภัยที่สุด อนึ่งก็เป็นจริงที่สุดเช่นกัน
องศาพยักหน้าเข้าใจก่อนเธอจะปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับภาระและการตัดสินใจที่ใหญ่กว่า แต่ทว่าเวลาในใจเธอนับถอยหลังตั้งแต่ตอนนั้น
เซลีนรู้ดีนี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของการเอาคืน มันเป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อนพอสมควร เข้าใจทั้งองศาและแอ้ม คนหนึ่งก็คงไม่อยากทำลายอาชีพและความฝันของอีกคนที่แรงจูงใจในการตัดสินใจก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคนไข้เป็นหลัก
แต่ถึงอย่างนั้นใจไม่เป็นกลางของเซลีนก็เลือกความถูกต้องแม้มันจะไม่ถูกใจใครก็ตาม เลยบอกกับหมอพีหนึ่งในแพทย์ประจำบ้านในความดูแลขององศาที่ว่า
“ถ้าอีกยี่สิบนาทีเขายังไม่ตัดสินใจอะไร ก็แปลว่าองศาไม่ใช่หัวหน้าที่ดีของคุณ เขาไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแผนกด้วยซ้ำ หมอพีจัดการตามเห็นสมควรได้เลย”
หมอพีพยักหน้า แม้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่เข้าทำนอง ‘ฉันรักเธอนะแต่ฉันอยากปาดคอเธอ’ ของผัวเมียคู่นี้มันแปลก ๆ แต่เขาก็คลางแคลงใจว่าองศาลำเอียงเข้าข้างแอ้มบ่อย ๆ อยู่แล้วจึงเห็นด้วยกับเซลีน
องศาที่ตัดสินใจได้แล้วก็มาหาลุงโอบที่ห้องทำงานกลับพบว่าท่านรอเขาอยู่แล้วด้วยสายตาดุเอาเรื่องที่เขาคุ้นชินตั้งแต่เด็ก เวลานี้คงมีเรื่องเดียวที่ท่านจะหัวเสียขนาดนี้ได้
“ลุงรู้เรื่องแล้วสินะครับ” เขามีสีหน้าสลดซีดเดินเข้าไปหาลุงที่ยืนพิงสะโพกกับขอบโต๊ะ
“ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้” ลุงโอบพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างมาก “แต่ญาติคนไข้ก็รู้แล้ว... ฉันแค่รอดูว่าแกจะปิดบังฉันไปอีกนานแค่ไหน”
“รู้ได้ยังไงครับ” เซลีนบอกว่าเธอรู้เรื่องนี้คนเดียวไม่ใช่หรือ “เมียผมเหรอครับ”
“คนเขาไม่ได้โง่นะไอ้อง! เขารู้กันทั้งห้องผ่าตัด แต่แค่ไม่บอกเมียแกว่าเขารู้ แล้วเขาก็รู้กันหมดเหมือนกันว่าแกปิดบังเพราะเข้าข้างแอ้ม”
“ผมไม่ได้จะปิดบังนะลุง”
“แค่มาบอกช้าเหรอ?!”
ลุงตวาด แววตาสบประมาท องศาพูดไม่ออก เพราะก็คงใช่อย่างที่ท่านว่า... เขามาบอกช้าไป อันที่จริงต้องพูดว่าเขาโลเลและตัดสินใจช้าไม่เฉียบขาดให้สมกับเป็นหัวหน้าแผนกที่ใครต่อใครคาดหวัง ทั้งที่คำตอบของเขาก็คือความถูกต้องอยู่แล้ว
“แค่ที่แกเล่นชู้กับเด็กในสังกัดตัวเองชีวิตฉันก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายและแทบจะไปกราบตีนเมียแกอยู่แล้วที่เขาไม่แฉ นี่แกยังมาปกป้องชู้รักแกหน้าด้าน ๆ ให้คนอื่นเขาสงสัยอีกเหรอไอ้อง!”
“ผมก็กำลังจะมาบอกลุง”
ลุงโอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ตอนนี้โวยวายไปก็ไม่ช่วยอะไร
“เก็บคำพูดของแกไปอธิบายกับฝ่ายกฎหมายเถอะ”
ชั่วอึดใจหนึ่งเลขาของลุงโอบก็มาตามทั้งคู่ให้ไปที่ห้องประชุมซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิต แอ้ม เซลีน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รออยู่ก่อนแล้ว
เพราะเอาตัวเองเป็นประกันให้หลานขึ้นรับตำแหน่ง ความผิดพลาดขององศาจึงเท่ากับความล้มเหลวของลุงโอบ ท่านต้องทำทุกทางเพื่อรักษาเก้าอี้ ท่านอ้างว่าองศาบอกเรื่องแอ้มด้วยตัวเอง ชมเชยความซื่อสัตย์ของเขาต่อหน้าคนในห้องกฎหมาย ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตซาบซึ้งในความซื่อสัตย์ของเขา ฝ่ายแอ้มกลับถูกญาติประณามจนต้องหนีออกจากห้องไป เซลีนไม่รู้จะให้คำจำกัดความสองลุงหลานว่าเป็นตัวอะไร
“ไหนบอกว่ามีแค่ที่รักไงที่รู้” องศาเอ่ยถามตอนที่เดินกลับแผนกมาด้วยกัน เขาไม่ได้โกรธเคืองเพียงแต่อยากรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ
“ตอนนั้นเค้าเข้าใจว่ามีแค่เค้าที่สังเกตเห็น...” เธอโกหกคำโต แต่เพื่อแผนที่วางไว้ ต่อให้ต้องสะอิดสะเอียนตัวเองมากกว่านี้เธอก็ยอม องศาผ่อนลมหายใจเพราะมันก็จริงอย่างที่เธอพูด แต่ตอนนี้แววตาที่ทอประกายผิดหวังของเซลีนคล้ายศรแหลมปักคาอยู่กลางอกเขา
“ถ้าไม่มีคนรู้มากแบบนี้ บี๋ก็จะปกปิดความผิดของแอ้มเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเซล”
“แต่เค้าเข้าใจแหละ" เธอผ่อนลมหายใจระบายความอึดอัดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าเค้าเป็นบี๋ เค้าก็คงลำบากใจ ทางหนึ่งก็เมียน้อย อีกทางก็ความถูกต้อง ถ้าจะไม่สนใจเลยทั้งสองแต่ยังไงซะแอ้มก็เป็นลูกน้องบี๋”
“เค้าเลือกความถูกต้อง” เขาพูดท่าทางจริงจัง แต่เดี๋ยวเดียวแววตาก็อ่อนแสงลง
เซลีนอยากหัวเราะดัง ๆ เธอไม่มีทางเชื่อน้ำหน้าอย่างองศา เลือกความถูกต้องงั้นหรือ? ถ้าใช่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เขาทำกับแอ้มมันเรียกว่าอะไร ถ้าเขาเลือกความถูกต้องแล้วเขาจะทำให้เธอต้องเจ็บเจียนตายทำไมกัน
“...แต่มีคนตัดหน้าไปบอกลุงก่อนเค้า พยายามทำให้เค้าเหมือนเป็นหัวหน้าลำเอียงที่เอาแต่เข้าข้างแอ้ม”
“แล้วมันใช่อย่างที่เขาพยายามทำไหม”
ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แต่เซลีนก็อดไม่ได้ เป้าหมายที่อยากเห็นเขาทำลายตัวเองมันถูกสั่นคลอนเพียงเพราะเห็นอกเห็นใจลูกทีมขององศาที่ต้องทนกับความไม่เท่าเทียมแบบนี้มานาน ความฝันและความสามารถของใครก็ตามไม่สมควรถูกลดทอนด้วยใจที่เอนเอียง
ถ้าเขาจะยังไม่โดนเขี่ยจากตำแหน่งในเร็ววัน อย่างน้อยการช่วยให้เขาคิดได้มันจะมีประโยชน์กับคนอื่นอีกมาก
“...”
“มันไม่มีเลยเหรอที่ความสัมพันธ์ของบี๋กับผู้หญิงคนนั้นจะไม่ส่งผลต่อการแสดงออกและการตัดสันใจของบี๋”
องศาเงียบ เขาไม่เคยรู้ตัวว่าแสดงออกเช่นนั้น แต่ในสายตาผู้ใต้บังคับบัญชามันคงชัดเจนจนต้องร้องเรียนผู้บริหาร โดยเฉพาะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ความลังเลของเขามันดันไปตอกย้ำความจริง
“เค้าจะไปร้านโดนัท เอาอะไรไหม” เธอเปลี่ยนเรื่องไม่อยากเทศนาเป็นยายแก่ แถมไม่ได้หวังดีอะไรกับเขาหรอก แต่ถ้าพูดขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้องศาก็คงเหลือเกินจริง ๆ
“ขอกาแฟแก้วนึงครับ ง่วงมากเลย” เสียงพูดของเขาหวานจับใจ คำว่าครับสะกิดความรู้สึกบางอย่างของเธอเข้าอย่างจังทว่าเซลีนต้องข่มมันไว้พลางพยักหน้ารับนิด ๆ องศามองตามหลังภรรยาแล้วระบายิ้มน้อย ๆ การได้พูดคุยกับเธอคงเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของวันนี้
จะผิดไหมที่เขาอยากมีเธอตลอดไป แต่มันคงไม่ง่ายถ้าเขายังมีแอ้มอยู่อีกคน หลังจากเซลีนแยกไปแล้วเขาก็เดินกลับแผนกแต่ระหว่างนั้นเองแอ้มก็ดึงเขาเข้าไปคุยที่มุมหนึ่ง
“องศาทำแบบนี้กับแอ้มได้ยังไง”
ไม่พูดพล่ามทำเพลง หล่อนรัวกำปั้นทุบอกองศาหลายครั้งทั้งยังร้องไห้ฟูมฟาย ถึงจะยังเป็นแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลนี้ได้อยู่แต่หล่อนกำลังจะถูกฟ้อง แม้จะมีแพทย์แผนกศัลยกรรมหลายคนมีคดีคาราคาซังเพราะผิดพลาดในการรักษาแต่ถ้าเลือกได้ใครจะอยากมี องศาไม่น่าทำแบบนี้เลย คนคุ้นเคยกันแท้ ๆ
“เพราะหมอเซลีนมันเป่าหูองศาเหมือนที่ให้สั่งแอ้มไปช่วยอีอาร์ใช่ไหม องศาถึงได้ทำกับแอ้มแบบนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับเซลีน” เขารวบแขนเธอไว้ แอ้มทำท่าเหมือนจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น “มันเกี่ยวกับว่าคุณอยากได้แสง เลยทำผิดกฎแถมมั่นใจในตัวเองแบบผิด ๆ คนไข้เลยต้องตายเพราะอีโก้บ้าบอของคุณ!”
แอ้มสะท้อนในอก หล่อนเสียใจกับเรื่องนี้เหลือเกิน หล่อนทำไปก็เพื่อช่วยชีวิตคนไข้แม้จะมีเรื่องชิงดีชิงเด่นผสมมาแต่กล้าพูดได้ว่ามันไม่สำคัญเท่าชีวิตคน หากแต่มันกลับเป็นเช่นนี้...
“ถามจริงนะแอ้ม มาเป็นหมอศัลย์ฯ รู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไร แค่ไปช่วยอีอาร์ได้ไม่เท่าไหร่ก็บ่นขนาดนี้ คุณมาทำอาชีพนี้เพราะอะไรกันแน่”
“แต่ถ้าเป็นคนอื่นสั่งแอ้มจะไม่ว่าเลย นี่เป็นองศาไง องศาไม่เคยใจร้ายกับแอ้มแบบนี้มาก่อนนี่นา”
เขาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย แอ้มเป็นผู้หญิงน่ารำคาญที่สุดที่เขาเคยเจอ เมื่อก่อนหล่อนใช้มนตร์บทไหนกันนะเขาถึงให้หล่อนเข้ามาในชีวิตง่ายดาย แต่จำได้ว่าหล่อนไม่ใช่แบบนี้
“เลิกบ้าเสียทีแอ้ม”
“ใช่สิ แอ้มมันบ้า ใครมันจะไปดีเท่าเมียองศาล่ะ ตอนนี้ได้นอนกับมันแล้วใช่ไหม ลืมแอ้มแล้วงั้นสิ”
“นอนหรือไม่นอนแล้วมันทำไมแอ้ม ผมกับเซลีนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
“นอนกับมันแล้วจริง ๆ ด้วย””
แอ้มไม่เจียมตัวว่าหล่อนเป็นใคร ที่บอกว่าจะไม่ผูกมัดมันก็ควรจะหมายความว่าหล่อนจะไม่เข้ามาก้าวก่ายไม่ว่าเขาจะนอนกับเมียตัวเองหรือนอนกับผู้หญิงคนอื่นอีกสักกี่คน
“ผมจะนอนกับเมียผมแล้วมันไปหนักหัวใคร คุณอย่ามาทำตัวเป็นเจ้าของผมนะ ผมไม่ชอบ คนเป็นเจ้าของจริง ๆ เขายังไม่งี่เง่าเท่าคุณเลยรู้ไว้ซะด้วย”
“องศา!”
เผียะ!
แอ้มตบหน้าชายหนุ่มเต็มแรงจนหน้าเขาสะบัด หล่อนโกรธที่เขาตอกย้ำว่าหล่อนไม่มีสิทธิ์ทั้งที่หล่อนก็รักเขามาก ไหนจะเอาหล่อนไปเปรียบเทียบกับเซลีนเมียในทะเบียนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย
องศายกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเอง สายตาที่มองหล่อนเหมือนไฟร้อนที่เผาคลอกให้หล่อนตายทั้งเป็น จากความเสน่หา ก้าวสู่ความอึดอัดน่ารำคาญ และท้ายที่สุดความอดทนขององศาสิ้นสุดลง
“พรุ่งนี้ออกจากที่นี่ไปซะ จะไปฝึกงานที่ไหนก็ไป”
แอ้มอ้าปากค้าง แข้งขาอ่อนไปหมดด้วยองศาไม่เพียงแต่ไล่หล่อนออกทว่ามันพ่วงการตัดสัมพันธ์ เธอจะยอมได้อย่างไรในเมื่อเธอก็เป็นเมียเขาเหมือนกัน
“งั้นแอ้มจะบอกทุกคนว่าเราเป็นอะไรกัน”
“เอาเลย” องศาท้าทาย หมดความอดทนกับหล่อนเต็มที “อยากพังก็เชิญ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าทำแบบนั้นคุณจะไม่มีวันได้ลายเซ็นรับรองจากผม... ที่คุณทำพลาดวันนี้อย่างน้อยก็มีโอกาสต่อสู้ในศาล แต่ถ้าคุณจะบอกเรื่องของเรากับทุกคน คุณจะไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยเพราะมันเป็นเรื่องที่พวกเขารับไม่ได้ คุณอยากเอาอนาคตมาทิ้งเพื่อรั้งผู้ชายคนเดียวไว้ก็เชิญ”
องศาเดินจากไปไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แอ้มได้แต่กำหมัดแน่น ทั้งเสียใจ เจ็บปวดและแค้นเขาอยู่ในที แต่องศาคิดว่าจะทำแบบนี้กับหล่อนได้ง่าย ๆ หรือ... ถ้ายอมแพ้ง่าย ๆ ก็อย่ามาเรียกกันว่าแอ้มดีกว่า
ขณะเดียวกันเซลีนที่อยู่ร้านโดนัทถึงกับหัวเราะตัวสั่นเพราะหญิงสาวแอบหย่อนเครื่องดักฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อของสามีจึงได้ยินและบันทึกเสียงที่เขาคุยกับแอ้มเมื่อกี้เอาไว้หมดแล้ว
+ + +
แอ้มยังคงไม่ไปไหนถึงแม้องศาจะยื่นคำขาดและส่งเรื่องให้ฝ่ายบุคคล แต่เขากลับไม่มอบหมายงานให้หล่อนเหมือนแต่ก่อน ราวกับว่าเด็กฝึกของเขามีแค่หมอพี กับหมอธารสองคน กว่าจะเข้ามาฝึกงานที่นี่ได้หล่อนต้องแข่งกับตั้งกี่คน จะให้องศาดับอนาคตหล่อนง่าย ๆ หล่อนไม่ยอม แต่คิดอย่างไรหล่อนก็คิดไม่ตก
“ประจำเดือนไม่มาเหรอ ช่วงนี้ถึงเอาแต่ทำหน้าเครียด”
หมอธาร หรือธารีเพื่อนร่วมงานฝีปากกล้าถือถาดอาหารเข้ามานั่งด้วยอย่างวิสาสะ แอ้มกลอกตามองบน หล่อนไม่ชอบหมอธารเท่าไหร่ ด้วยอีกฝ่ายเพิ่งย้ายมาอยู่ทีมองศาเมื่อไม่นานแต่หล่อนต้องยอมรับว่าหมอธารเก่งมาก และที่สำคัญ หล่อนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องของหล่อนกับองศาหรือเปล่า แต่พักหลังคำพูดของหมอธารก็เหมือนเหน็บแนมหล่อนกับองศาอยู่เป็นนัย
“เรื่องของฉัน ไม่ต้องยุ่ง” หล่อนยกถาดอาหารตัวเองแล้วพรวดลุกขึ้น แต่คำพูดของเพื่อนร่วมทีมกลับทำให้หล่อนชะงัก
“เดาว่าเธอมีปัญหากับหัวหน้าใช่ไหม”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ไม่ได้ตาบอด” หมอธารยักไหล่ ยิ้มมีเลศนัย “แถมมองออกด้วยว่ามีอะไรมากกว่าที่เห็น”
แอ้มร้อน ๆ หนาว ๆ และจำต้องนั่งลงตามเดิมพร้อมยื่นหน้ามาถามกระซิบกระซาบ
“เธอรู้มานานแค่ไหน”
“นานพอ ๆ กับที่เธอแอบทำนั่นแหละ” รอยยิ้มของหมอธารฉีกกว้าง เหมือนจะจริงใจแต่ภายในใจกำลังสมเพชหล่อน “แต่ฉันไม่บอกใครหรอกนะ เพราะถ้าทำคงทำไปนานแล้ว แต่ฉันอยากช่วยเธอ”
“ช่วย?” แอ้มนิ่วหน้า “เรื่องอะไร?”
“เรื่องที่เธอกำลังกลุ้มอยู่ตอนนี้ไง”
“...”
“เธอไม่อยากเลิกกับหัวหน้า แล้วก็ไม่อยากออกจากที่นี่ใช่ไหมล่ะ”
“แล้วจะช่วยฉันทำไม” แอ้มไม่เข้าใจความคิดอีกฝ่าย
หล่อนกับหมอธารเป็นแค่เพื่อนร่วมงานแต่เหม็นหน้ากัน แข่งขันกันทุกอย่างแม้กระทั่งใครใส่ถุงมือเร็วกว่า ความคิดอยากปรองดองกับคนตรงหน้าก็มีแค่ตอนอยู่กับคนไข้เท่านั้น
“ฉันไม่ชอบหมอเซลีนมากกว่าที่ไม่ชอบเธอซะอีก” หมอธารบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนพูดเรื่องทั่วไป มือบางหยิบขาไก่ขึ้นมากัด “แล้วฉันก็ไม่อยากให้เธอยอมแพ้ เพราะถ้าเธออยู่เป็นเสี้ยนตำใจหมอเซลไปเรื่อย ๆ ยัยนั่นคงอกแตกตายเข้าสักวัน อนาคตแสนหวานของเธอกับหมอองศาก็อยู่ไม่ไกล จริงไหม”
รอยยิ้มของแอ้มปรากฏขึ้นน้อย ๆ ในที่สุดก็มีคนคิดแบบเดียวกับหล่อน แถมหล่อนก็เอาด้วยกับแผนการของหมอธารถึงแม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็ตาม
หมอธารปลีกตัวออกมาจากโรงอาหาร มองซ้ายมองขวาไม่เห็นแอ้มตามมาก็รีบตรงไปยังห้องของเซลีน รานงานความคืบหน้าของสิ่งที่พี่สาวให้ทำ
เซลีนละสายตาจากกระดานที่มีสูตรคำนวณค่าแอลกอฮอล์ในเลือดของคนไข้ซึ่งยื่นคำร้องเปลี่ยนไต แต่ดันดื่มย้อมใจนิดหน่อยก่อนจะเข้าผ่าตัดทำให้มีข้อจำกัดหลายอย่างเกิดขึ้น
“ทำดีมากยัยนุ้ง”
คำเรียกแทนว่า ‘นุ้ง’ แสดงถึงความเอ็นดูเสมือนดั่งน้องน้อย เนื่องจากหมอธารอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม หล่อนเป็นน้องสาวต่างบิดาของธชา ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ อันที่จริงหมอธารก็เพิ่งรู้เรื่องขององศากับแอ้มเมื่อเดือนก่อนพร้อม ๆ กับเซลีน หล่อนไม่คิดเลยว่าหัวหน้าที่หล่อนเคารพนับถือจะกล้าทำแบบนี้ แน่นอนว่าหล่อนทั้งโกรธทั้งแค้นแทนพี่สาว
“เปลี่ยนคำชมเป็นเลี้ยงเหล้าดีกว่า”
“เอาดิ ถ้ามันสำเร็จ พี่เหมาทั้งร้านเลี้ยงแกคนเดียวเลย”
“โอ๊ยไม่เอา ขอ Glenfarclas ขวดเดียวพอ”
“อะได้ เพื่อน้อง”
“โอเค” หมอธารพุ่งเข้าไปสวมกอดพี่สาวอย่างออดอ้อน “วันนี้มีแรงทำงานละ”
“ว่าแต่ขวดเท่าไหร่วะ”
“คิคิ” หมอธารคลายกอด ใบหน้าอิ่มเอม “สามแสนสาม”
เซลีนอึ้งกับราคาแต่เธอดันตกลงไปแล้วเพราะตกหลุมพรางยัยนุ้ง มันบอกขอแค่ขวดเดียวนี่นา ใครจะไปคิดว่าราคาจะแพงหูฉี่อย่างนี้ แต่แลกกับความสะใจ เซลีนคิดว่าอย่างไรมันก็คุ้ม
องศาโกรธมากเมื่อการที่เขาไล่แอ้มออกเพราะความประมาทกอปรกับไม่สำนึกในความผิดตัวเองถูกเบี่ยงเบนให้กลายเป็นประเด็นคุกคามทางเพศ แอ้มมีพยานเป็นคนไข้ที่เคยเห็นเขาจับมือถือแขนหล่อน ลูกทีมของเขาก็ถูกเรียกไปสอบสวน ซึ่งเขาไม่มั่นใจเลยว่าทั้งหมอพีและหมอธารจะพูดเข้าข้างเขา เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเคยทำกับแอ้มจะอยู่ในสายตาทั้งสองหรือเปล่า แต่ดูจากที่เขาถูกร้องเรียนโดยไม่เอ่ยนามว่าลำเอียงก็คงจะต้องทำใจ แต่ที่เขาห่วงกว่าตัวเองก็คงเป็นความรู้สึกเซลีน เธอต้องกลายเป็นผู้หญิงหน้าโง่ในสายตาทุกคนก็เพราะเขา ยิ่งนานเข้าองศายิ่งรังเกียจตัวเองไม่ต่างจากเชื้อร้าย
“ตกลงยังไงครับลุง”
เมื่อลุงโอบเปิดประตูเข้ามาในห้องเขาก็รีบถาม หากต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อนางฟ้าปีกบางของเขาตามลุงเข้ามาด้วย
“แอ้มจะไม่ฟ้อง ถ้าแกให้เขาทำงานที่นี่ต่อและปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกศิษย์คนหนึ่ง”
องศาหน้าสลด เท่ากับว่าเขาไม่มีทางเลิกกับแอ้มได้ทั้งยังต้องเห็นเจ้าหล่อนเป็นหนามตำใจเซลีนอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ลุงโอบมองเขากับหลานสะใภ้สลับกันก็คิดจะให้ทั้งสองได้คุยกันตามลำพัง
“คิดว่าสองคนคงอยากคุยกันนะ ลุงขอตัวก่อน”
อยู่กับเซลีนแบบนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเขาตัวเล็กกระจ้อยร่อย อยากเข้าไปสวมกอดเธอให้ชื่นใจหลังผ่านเรื่องแย่ ๆ มาทั้งวันแต่ความละอายที่เกาะกุมใจกำลังกรีดแทงหัวใจเขาให้เจ็บร้าว
“ไม่เป็นไรนะ”
กลับเป็นเซลีนเสียเองที่โผเข้ามาสวมกอดเขา ไออุ่นจากวงแขนเล็กกลับให้ผลมากมายเหลือคณา ราวกับว่ามันละลายแผ่นน้ำแข็งที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด เศร้า และเสียใจเอาไว้อย่างง่ายดาย องศากอดตอบเธอพลางหลับตาซึมซับความสุขที่แทรกเข้ามาแม้เพียงเศษเสี้ยว
เขานึกขอบคุณเซลีนเหลือเกิน ทั้งที่เขานอกใจมีคนอื่น สวมเขาให้เธอมาเป็นปี ทั้งไม่เคยไยดีความรู้สึกแถมเหยียบย่ำมันด้วยการขอหย่าและคำพูดหมา ๆ สารพัดที่พ่นออกมา ไหนจะทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานตราหน้าว่านังหน้าโง่แบบนี้ แต่สิ่งที่เธอมอบให้เขามีเพียงอ้อมกอด ความเข้าใจและการให้อภัย...
หัวใจของเซลีนไหววูบ องศาที่กำลังอ่อนแอและอ่อนไหวเช่นนี้พาหัวใจเธอให้ปวดร้าว เพราะถามใจตัวเองเมื่อไหร่ว่ารักไหมเธอก็ยังรักเขาเต็มหัวใจ แต่ทุกครั้งที่ค้นลงไปกลับเจอความเจ็บปวดชิงชังที่มันฝังลึกพอ ๆ กับภาพที่เห็นเขากับแอ้มเริงรักกันบนเตียงของเรา มุมปากสวยก็กดยิ้มเยือกเย็นลับหลังเขา กดเอาความรู้สึกอ่อนไหวแสนหวานให้ซ่อนไว้ไม่ให้ใครค้นเจอ
“เย็นนี้กลับบ้านเร็วกันหน่อยดีไหม” องศากอดเธอแน่นขึ้นอีก
ตั้งแต่เซลีนกลับมาทำงาน หญิงสาวก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เขาเองก็พลอยต้องทำแบบนั้นไปด้วย เพราะกลับบ้านไปอยู่คนเดียวไม่เห็นเธอมันแย่กว่า แม้แทบไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าแต่เขาค้นพบว่าแค่ได้อยู่ใกล้เธอ ได้เห็นหน้าสวยเหมือนเทพธิดาที่สะกดใจเขาได้อย่างไม่คาดคิด ได้ยินเสียงหวาน ๆ ที่พาให้หายเหนื่อยทุกครั้งที่กลับไป ได้รู้สึกถึงกลิ่นหอมละมุนและสัมผัสไออุ่นจากการได้กอดเธอมันทำให้เขามีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด หากจะพูดว่าเขาเสพติดเซลีนก็คงไม่ผิดนัก
“กลับเร็วสักวันก็ได้” เธอผละออกแล้วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่หวานซ่านหัวใจ เป็นวินาทีที่เขารู้แจ้งแก่ใจว่าต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรเขายอมทั้งนั้นเพื่อให้ได้เห็นเธอยิ้มแค่สิบนาทีก็ตาม
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยต่อหมอนิกม์ก็เพจเรียกองศา เพราะคนไข้มะเร็งสมองที่เขาดูแลอยู่กำลังจะคิดสั้น ทั้งสองรีบไปบนดาดฟ้า พบว่าเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ฝ่ายนั้นลงมาแต่ดูท่าจะไม่สำเร็จ องศาจึงเป็นความหวังเดียวเพราะสนิทสนมกับคนไข้มากที่สุด
“ใจเย็น ๆ นะคุณภาม จำได้ไหมที่คุณบอกผมว่าถ้าคุณอาการดีขึ้น คุณจะชวนผมโดดงานไป road trip ด้วยกัน”
แต่สิ่งที่องศาได้รับจากชายวัยหลังเกษียณซึ่งพร้อมทิ้งตัวจากราวกันดาดฟ้าทุกคราคือรอยยิ้มสงบเยือกเย็น องศารู้จักภามครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนตอนที่ทำให้เนื้อร้ายหายไปจนภามกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่เมื่อมันกลับมาอีกครั้งทำให้เขาต้องเจอภามทุกวันเป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว ภามเป็นผู้ใหญ่หลังเกษียณที่ความคิดอ่านทันสมัยไม่ล้าหลัง คุยสนุกและเป็นที่ปรึกษาที่ดี คนขาดพ่ออย่างเขาที่ถึงแม้จะมีลุงคอยเลี้ยงดูแต่ก็เพียงร่างกายถึงได้รู้สึกผูกพันกับภามไม่ต่างจากลูกชายคนหนึ่ง
คำพูดที่ภามซึ่งเป็นคนชอบเดินทางมักพูดกับเขาคือ ‘ชีวิตคือการเดินทาง หน้าที่ของเราคือเดินเรื่อยไปตามความเชื่อและความฝันของเรา’
“คุณบอกว่าการเดินทางคือความหมายของชีวิต มันทำให้คุณได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้เรียนรู้ผู้คน และคุณยังมีที่ที่อยากไปอยู่เยอะเลยไม่ใช่เหรอ”
ภามส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ปราศจากความหมองเศร้าอาวรณ์
“รู้อะไรไหมหมอ ผมไปมาหมดทุกที่แล้ว จะมีก็แต่ที่ที่ผมอยากไปอีกครั้ง แต่มันจะมีความหมายอะไรในเมื่อคนที่ผมอยากให้ไปด้วยมากที่สุดเขาจากผมไปแล้ว... แล้วผมก็ใช้ชีวิตมามากพอจนเบื่อแล้วหมออง”
“แต่ผมยังอยากไปกับคุณ”
ภามซาบซึ้งความผูกพันระหว่างตนกับองศา แม้จะเป็นเรื่องไม่ควรที่หมออย่างเขาเอาความรู้สึกมาผูกกับคนไข้จนทำให้มันกลายเป็นเรื่องส่วนตัว แต่บ่อยครั้งก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ มันถึงกลายเป็นกฎเหล็กของหมอศัลย์ฯ อย่างไรเล่า
“หมอมีคนที่หมออยากไปด้วยแล้วไง”
ภามจ้องมาที่เซลีนด้วยแววตาชื่นชมและเปี่ยมด้วยความหวัง แต่แววตานั้นกลับทำให้หญิงสาวสลดใจ เธอไม่อยากเป็นความหวังให้ภามเพราะความจริงที่ว่าทั้งหมดที่เธอทำคือการหลอกลวงมันช่างน่าละอายต่อภามนัก
แต่สำหรับภาม พักหลังไอ้คนที่ตนรักเหมือนลูกชายมีท่าทีแปลกไปเมื่อพูดถึงเมียที่ไม่เคยไยดี ภามดีใจที่ในที่สุดองศาก็ได้รักใครสักคนจริง ๆ เสียที ต่อจากนี้เขาหวังเหลือเกินว่าชายหนุ่มจะรักษาเธอไว้ให้เหมือนรักษาชีวิต เพราะหากไม่มีสิ่งเหล่านั้นแล้ว... ชีวิตก็ไม่มีความหมายอะไร
“ลาก่อน ไอ้ลูกชาย”
ภามยิ้มให้องศาก่อนจะทิ้งตัวลงไปก่อนเจ้าหน้าที่จะได้ชาร์จตัวอย่างหวุดหวิด รอยยิ้มของภามช่างสดใส ราวยินดีกับความตายที่ตนได้เลือกแล้ว แต่กลับเป็นองศาที่โศกเศร้าและปวดร้าวเหมือนหินหนักถ่วงดวงใจ องศาคิดว่าการเสียภามคงสร้างผลกระทบกับเขาไม่ต่างจากที่สูญเสียบุพการีเมื่อครั้งเยาว์วัย
แต่ชีวิตก็ไม่ได้ซับซ้อนเลยสินะ... คนเราสามารถมีชีวิตอยู่อย่างงดงามบนโลกใบนี้ถ้ารู้วิธีที่จะรัก และอยู่เพื่อคนที่เรารัก เมื่อปราศจากสิ่งเหล่านั้นชีวิตก็คงว่างเปล่า
องศาที่พยายามกลั้นน้ำตาหันไปมองเซลีนซึ่งยืนนิ่งมองไปยังที่ที่ภามเคยยืนท้าทายมัจจุราชแล้วคว้ามือหญิงสาวมากุมไว้แนบกาย เขาอยากอยู่เพื่อเธอ อยากรักษาเธอไว้ อยากทะนุถนอมเธอให้ราวกับเป็นดวงใจ บางทีเขาอาจจะได้ตระหนักถึง ‘การใช้ชีวิตมามากพอจนเบื่อ’ แล้วตายไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสแบบภาม
ด้านเซลีนสูดหายใจเข้าปอดลึก ข่มความเสียใจนั้นไว้แม้มันทำให้เธอรู้สึกไม่ต่างจากคนไร้หัวใจก็ตาม แต่เพราะด้วยอาชีพแล้ว... เธอเห็นความตายมาจนชินชา เพียงแค่พอวันเวลาผันผ่านความโศกเศร้าหาได้หลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตา
องศาตื่นขึ้นมาพร้อมหัวใจที่หนักหน่วง ลืมตามองโลกที่ดูจะซีดจางกว่าที่เคยเป็นแล้วเก็บกลั้นความโศกเศร้าไว้ บอกใจให้อภิรมย์กับความสุขสมที่เขากับเซลีนเพิ่งผ่านมาเมื่อคืนแต่ก็ทำแทบไม่ไหว เรื่องของภามสร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เช้านี้บี๋จะทานข้าวที่บ้านหรือเราจะออกไปทานข้างนอกกันดีคะ” เสียงหวานกังวานใสฉุดให้เขาขึ้นจากเหวลึก หันไปมองปลายเตียงก็เห็นภรรยานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้สตูลในสภาพเปลือยเปล่า สองมือค่อย ๆ สางเส้นผมตัวเองและสายตาร้อนแรงมากความปรารถนาจ้องมองมาที่เขา
ชั่วคราวมันทำให้องศาหลงลืมความเศร้าสุดใจแล้วเพลิดเพลินไปกับการจ้องมองเรือนร่างและอิริยาบถของเซลีนที่งดงามราวเทพธิดา เขาปล่อยให้ไฟร้อนของราคะเผาไหม้หัวใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่ากลบฝังความแปลกใจปนตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถจดจำค่ำคืนแสนหวานของกันและกันได้เลยสักครั้งเดียว เมื่อวานเขาและเธอกลับบ้านเร็วตามที่คุยกันไว้ และความเศร้าก็พาเหล้าเข้ามาในกระแสเลือดของเรา
พอเมาได้ที่วลีที่ว่าอารมณ์พาไปทำให้เขาอุ้มร่างบอบบางของเธอมาบนเตียง แต่คงเพราะหัวใจที่เหน็ดเหนื่อยและร่างกายที่อ่อนล้าจากการทำงานหนัก สิ่งที่เขาอยากทำจึงมีเพียงแค่จูบเธอ และกอดเธอไว้แนบกายคล้ายกับต้องการที่พักพิง องศาเป็นเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยไออุ่นจากเธอมาหล่อเลี้ยงหัวใจหมองเศร้า แล้วเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แต่เช้านี้ความรู้สึกคุ้นเคยของเซ็กซ์มันย้ำเตือนว่าเขาคงห่วยแตกอีกตามเคย
แน่นอนสภาพนั่นของเขาเหมือนไฟร้อนนาบหัวใจเซลีน ทว่าภาพการกระทำเลวร้ายมันยังติดตาและความรู้สึกเหมือนไอ้ควายไร้ค่ายังตามหลอกหลอน ความอ่อนแอทั้งหมดจึงเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงที่สร้างความระคายอยู่ในใจก็เท่านั้น
“เค้าอยากกินอาหารเช้าฝีมือที่รักมากกว่า”
คนตัวโตขยับลุกจากเตียงแล้วเดินมาหา แม้จะเห็นไอ้จ้อนของคนไข้ชายมานักต่อนักไหนจะในหนังผู้ใหญ่หลายเรื่องที่ดูแต่ขององศากลับทำให้เซลีนหน้าแดงซ่านอย่างห้ามไม่ได้ ชายหนุ่มเห็นอาการนั้นแล้วนึกขำ ความเอ็นดูที่มีให้เมียที่ไม่เคยคิดจะรักคนนี้กลับเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี ในบางทีที่เซลีนสลัดคราบผู้หญิงจัดจ้านกร้านโลกเป็นสาวหวานไร้เดียงสาคนเดิมมันก็น่ารักจนเขาอยากจะรักเธอให้สมใจ
องศากดใบหน้าก้มมองภรรยา สองเต้างามชูชันท้าสายตาไม่ต่างจากสัดส่วนโค้งเว้าที่รังสรรค์เสน่ห์ของเซลีนให้มากมายอย่างร้ายกาจ ก่อนที่สองมือหนาจะจับไหล่เธอแล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“เมื่อคืนเค้าไม่ได้ทำที่รักเจ็บใช่ไหม”
“ไม่เจ็บเลย” เธอบอกเสียงหวาน ก่อนพยักพเยิดไปที่มือถือเขา “แต่คงมีคนเจ็บกว่าเค้าแหละ”
องศานิ่วหน้า เซลีนไม่ปล่อยให้เขาสงสัยนาน
“เช้านี้แอ้มโทร.มา เค้าเห็นบี๋หลับอยู่ก็เลยรับแทน แต่ว่าเธอ...”
หญิงสาวแกล้งเว้นคำทำหน้าเศร้าบีบน้ำตา ก่อนก้มหน้าซบฝ่ามือตัวเองแล้วร้องไห้สะอื้น ตีบทแตกยิ่งกว่าดรามาควีนพาให้องศาใจเสีย เขาคุกเข่าลงกับพื้นลูบหัวลูบไหล่ภรรยาอย่างเบามือ เห็นเธอร้องไห้แล้วเขาปวดใจเหลือเกินแม้จะไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม
“เกิดอะไรขึ้นที่รัก บอกเค้ามาเถอะ”
“ฮึก...”
เซลีนแสร้งเงยหน้าจากฝ่ามือ เพราะรู้ว่าตอนนี้ดวงตาตัวเองคงแดงก่ำน่าสงสารพอสมควรแล้ว
“แอ้มด่าเค้า บอกว่าเค้าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำไม่มีปัญญาหาผู้ชายคนใหม่ ถึงได้มารั้งบี๋ไว้ ทั้งที่เค้าก็แค่ขอใช้เวลากับบี๋แค่สามเดือนเท่านั้น จากนั้นเค้าก็จะปล่อยให้บี๋เป็นอิสระ ให้บี๋ได้รักเธอ ได้อยู่กับเธอ”
อันที่จริงแอ้มโทร.มาจริงแต่เดาว่าพอหล่อนได้ยินเสียงเธอเป็นคนรับสายก็กลัวหัวหดจนไม่กล้าพูดอะไร เธอที่รำคาญหล่อนอยู่แล้วเลยถามหล่อนว่า
‘ลิ้นจุกปากอยู่เหรอถึงไม่พูดน่ะ’
เมื่อหล่อนเงียบเธอเลยถามต่อไปอีก
‘ต้องให้ตามไปเอาส้นสูงงัดปากใช่ไหมดอกพิกุลถึงจะร่วง หา?’
จากนั้นก็ได้ยินแอ้มละล่ำละลักขอโทษแล้วกดวางสายไป เซลีนคิดว่าถ้าเธอเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักแสดง รางวัลออสการ์ก็แค่ของประดับฝาบ้าน
แต่คำลวงพาให้องศาสะท้อนในอก เซลีนตอกย้ำให้เขานึกถึงข้อตกลงระหว่างเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่าจะอยู่ด้วยกันแค่สามเดือนสุดท้ายเพื่อเธอจะได้สัมผัสความสุขของชีวิตคู่กับเขาที่เธอรักหมดหัวใจเป็นครั้งสุดท้าย
และพอถึงเวลาเธอก็แสดงออกชัดเจนว่าพร้อมจะปล่อยมือจากเขาตลอดเวลา แต่กลับเป็นเขาเสียเองที่ปล่อยให้ใจด้านชาถูกความน่ารักแต่ในขณะเดียวกันก็เร่าร้อนของเธอหลอมละลายจนเหลวเป็นน้ำแบบนี้
เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสินะ
แต่จะให้ไปจากเธองั้นหรือ...
ถึงตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าจะทำได้ ทุกครั้งที่เขามีปัญหาแทนที่เจ้าหล่อนจะต่อว่าแต่เซลีนกลับเข้าอกเข้าใจและอยู่เคียงข้างเขา
ในขณะที่ผู้หญิงอย่างแอ้มเอาแต่โวยวายเหมือนคนไร้สมอง ไม่มีชั้นเชิงที่จะสื่อสารกับคนรัก หล่อนมักสร้างความหนักใจให้เขาซึ่งตรงข้ามกับเซลีนที่ทำให้เขารู้สึกเบาสบายเหมือนน้ำทิพย์ฉ่ำเย็นชโลมใจ จนเสมือนเซลีนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดั่งชิ้นส่วนของหัวใจที่เขาไม่อาจปล่อยให้หลุดมือเพราะมันหมายถึงลมหายใจของเขานั่นเอง
“แอ้มไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้นกับที่รัก”
หล่อนเป็นใครแล้วเซลีนเป็นใคร ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูฉลาดอย่างแอ้มจะแสดงออกได้โง่เง่าขนาดนี้
“แต่เธอก็พูดมาแล้วนี่นา” เซลีนบีบน้ำตาออกมาอีก จนมันอาบหน้าสวย ๆ ที่เขาหลงใหล
องศาไม่อาจนิ่งนอนใจ แอ้มได้อยู่ในโรงพยาบาลต่อสมใจหล่อนแล้ว แล้วยังต้องการอะไรอีก...
ตัวเขางั้นหรือ?
ให้ตาย! เขากับหล่อนตกลงกันแล้วว่ามันจะไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะมีเซลีนหรือไม่มีก็ตาม
เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเตือนว่าแอ้มล้ำเส้นจนเกินไป หล่อนต้องกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองที่หาได้สลักสำคัญเท่าเมียในทะเบียนซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นเมียในหัวใจอย่างเซลีน
+ + +
แอ้มอยากเข้าไปกระชากผมเซลีนมาตบทุกครั้งที่เจอหน้าแต่เพราะหล่อนกลัวเธอจะตบกลับด้วยรองเท้าจึงไม่กล้า เอาเจริงเซลีนน่ากลัวกว่าอาจารย์แพทย์คนอื่น ๆ ที่สำคัญคงโกหกเก่งพอสมควร องศาถึงได้หาว่าหล่อนไปต่อว่าเธอ เขาสั่งให้หล่อนย้ายไปอยู่กับอาจารย์แพทย์อีกคนซึ่งไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง ทั้งยังไม่คุยกับหล่อนมาหลายวันแล้วด้วย
‘คุณอยากทำงานที่นี่ต่อผมก็ยอมแล้ว แต่ที่อยากให้ผมปฏิบัติต่อคุณเหมือนลูกศิษย์คนอื่นผมคงทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่คุณทำกับเมียผมมันเกินไป ต่อไปนี้จำไว้ว่าอย่าล้ำเส้นที่ผมขีดเอาไว้’
องศาคนที่หล่อนรักหมดใจตอบแทนหล่อนด้วยคำพูดไร้เยื่อใย ทั้งที่หล่อนพยายามทำทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับเขาแท้ ๆ ถึงขั้นลงทุนให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตก็เพื่อเขา แต่ชายหนุ่มไม่ให้โอกาสหล่อนอธิบาย แต่เขาจะเชื่อเฉพาะที่ออกมาจากปากนังเมียหลวงหน้าด้านเท่านั้นสินะ
“หมอหนิง ๆ ฝากเอานี่ไปให้หมอเซลีนหน่อย”
ระหว่างที่แอ้มเดินเอื่อยเฉื่อยเซ็ง ๆ อยู่แถวทางผ่านไปแผนกพยาธิวิทยาเพราะถูกอาจารย์แพทย์ของทีมใหม่ให้ทำงานจิปาถะด้วยไม่ไว้ใจคนที่ทำคนไข้เสียชีวิตมาแล้วอย่างหล่อนได้ยินลูกทีมของเซลีนคุยกันก็หันไปมอง
“เอาวางตรงนี้ก่อนได้มะหมอเปิ้ล” หมอหนิงมีสีหน้าไม่สู้ดี “จะไปเข้าห้องน้ำน่ะ”
หมอเปิ้ลที่กำลังรีบเช่นกันพยักหน้าให้ด้วยเห็นใจคนปวดหนัก ก่อนมองซ้ายขวาหาคนมาเฝ้าของกินแทน เห็นแอ้มแล้วเหมือนกันแต่ไม่อยากทักด้วยไม่ชอบอีกฝ่ายเป็นทุนเดิม
ยังจำครั้งที่แต่ละทีมไขว้กันเพื่อฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นแล้วแอ้มชิงดีชิงเด่นเอาความดีความชอบไปคนเดียวได้ไม่ลืม แต่ครั้งนี้เจ้าหล่อนกลับเสนอตัวเอง
“เดี๋ยวแอ้มอยู่คอยหมอหนิงให้ก็ได้ หมอเปิ้ลไปทำธุระเถอะ”
หมอเปิ้ลหรี่ตามอง แอ้มมาแปลก ร้อยวันพันปีหล่อนไม่เคยมีน้ำใจไฉนวันนี้เสนอหน้า แต่ดูแล้วคงจะหาใครมาคอยแทนคงลำบาก หมอเปิ้ลเลยยอมปลีกตัวไป
แอ้มคอยอยู่สักพัก พอมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครก็ดึงขนมปังด้านบนออก ก่อนเปิดเอาสารคัดหลั่งของคนไข้ที่หล่อนกำลังจะนำไปส่งตรวจราดลงบนเนื้อบดแล้วเอาขนมปังปิดไว้ก่อนเอาใส่กล่องเหมือนเดิม ไม่นานหมอหนิงก็กลับมา กล่าวขอบคุณแอ้มอย่างเป็นมิตรแล้วหยิบของรองท้องอาจารย์ตัวเองเดินไปโดยไม่รู้อะไรเลย
เซลีนมองแฮมเบอร์เกอร์เจ้าปัญหาอย่างชั่งใจหลังจากหมอพีที่เธอสั่งให้คอยตามแอ้มไว้บังเอิญเห็นหล่อนใส่บางอย่างลงไปส่งข้อความมาเตือน เธอควรเอาอย่างไรกับแอ้มดีนะ ปิดเกมมันเสียเดี๋ยวนี้ หรือจะขอปั่นให้หัวหมุนอีกสักทีสองที แต่ยังไม่ทันจะได้ข้อสรุปพ่อก็โทร.มาเสียก่อน
“ค่ะพ่อ... เคสผ่าตัดสมองคุณวิบูลย์น่ะค่ะ พ่อพอช่วยหนูได้ไหมคะ...” พ่อเธอเป็นศัลยแพทย์สมองที่เก่งและมีชื่อเสียงแต่หลังจากฟาดฟันกับลุงโอบมาระยะหนึ่งและท่านจำต้องยอมแพ้กับสงครามประสาท ท่านก็เกษียณตัวเองกลับไปอยู่ที่บ้าน ปลูกผักทำสวนและอยู่กับหมาแมว
ระหว่างนั้นองศาเข้ามาหา เป็นปกติที่เขาจะแวะมากอดหอมภรรยาให้ชื่นใจจะได้หายเหนื่อย เขาสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วหอมแก้มนวลดังฟอดพลางสองมือก็เลื่อนไล้ขึ้นมากอบกุมทรวงอก ออกแรงขยำมันมือ
“คิดถึงที่รักจังเลยครับ”
เซลีนนิ่วหน้า องศาจัดอยู่ในประเภทผัวหื่นกาม มีอารมณ์ทุก ๆ สามชั่วโมง ถึงจะเปลืองตัวไปมากแต่จะฆ่าควายต้องไม่เสียดายพริก
“การผ่าตัดครั้งนี้มันเสี่ยงมากค่ะ หนูก็ไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากพ่อ แล้วที่นี่ไม่มีใครแล้วที่เขาไว้ใจ หนูไม่อยากให้เราเสีย Vvip แบบนี้ไป” หญิงสาวยังคงความสนใจไว้ที่บทสนทนากับพ่อได้อยู่
“หิวแล้วละครับคุณเมีย”
องศากระซิบแล้วซุกไซ้ซอกคอเซลีน กลิ่นหอมราวกับเขาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้พาให้เขาอยากให้เสกห้องทำงานเธอให้กลายเป็นห้องนอนแล้วจัดการเผด็จศึกกับเมียรักเสียตรงนี้
“องศา ฉันคุยกับพ่ออยู่”
หญิงสาวใช้มือบังมือถือแล้วหันไปบอกกับเขาด้วยท่าทางจริงจัง คำเรียกแทนว่า ‘องศา’ แทนที่จะเป็น ‘บี๋’ ไหนจะแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ มันเตือนให้ชายหนุ่มรู้กาละเทศะมากขึ้น
เขานั่งหงออยู่ที่โซฟาทรงตัวยูที่โดยปกติแล้วอาจารย์แพทย์ของที่นี่จะมีห้องและโซฟาแบบเดียวกันนี้ไว้ระดมสมองกับลูกทีม เพียงไม่นานเซลีนทำให้เขาหัวหดได้ขนาดนี้เชียวหรือ องศาไม่อยากคิดว่าถ้าอยู่กันไปนาน ๆ เธอจะมีอิทธิพลกับเขาได้ถึงเพียงไหน
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยอมทั้งนั้น...
ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะยอมอยู่กับเขาหรือเปล่านั่นแหละ องศาที่คิดจนหัวจะแตกว่าควรกอบกู้ชีวิตแต่งงานตัวเองและโน้มน้าวใจเมียอย่างไรดีมาหลายวันลอบถอนหายใจ แต่คนที่ทั้งหิวเมียและหิวทั้งข้าวอย่างเขาเหลือบเห็นแฮมเบอร์เกอร์ก็คว้ามากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย พอเซลีนวางสายแล้วหันมาเจอมันก็เกือบหมดแล้ว
เธออึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียวเพราะไม่รู้จะบอกกับเขาอย่างไร ทั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งใดที่แอ้มใส่ลงไป ใจหนึ่งเธอก็ห่วงเขาแม้จะเกลียดมากแต่ให้เล่นของสกปรกอย่างนี้เธอก็ไม่ทำ หากใจหนึ่งก็สาแก่ใจที่สุดท้ายแม่ยอดขมองอิ่มของเขาก็วกมาเล่นงานเขาจนได้
มันก็คงไม่อันตรายถึงชีวิตหรอกมั้ง...
ผิดจากที่เซลีนคิดไปมากทีเดียว เพราะหลังทานแฮมเบอร์เกอร์องศา ปวดหัวหนัก ทั้งไข้ขึ้นสูงร่วมกับหนาวสั่น จนต้องให้หมอนิกม์เข้าผ่าตัดเคสหนึ่งแทนทั้งที่สัญญากับคนไข้ไว้แล้วแท้ ๆ ว่าตนจะเป็นคนจรดมีดลงบนกระดูดสันหลังของหล่อนด้วยตัวเอง ส่วนเขานอนรอตรวจอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน
เซลีนที่เพิ่งเสร็จจากผ่าตัดกำจัดก้อนเนื้อที่ไตของคนไข้วีไอพีอีกคนและมาเข้าเวรอีอาร์พอดีก็รีบมาตรวจร่างกายเขา จะบอกว่าตัวเองไม่ได้ห่วงใยเขาก็คงไม่ใช่ เพราะเธอยอมรับกับตัวเองว่ารักเขาหมดใจเหมือนเดิม
“Septicemia[1]”
องศาบอกกับภรรยาซึ่งแน่นอนว่าเธอก็เห็นตรงกับเขา แต่ยังไม่เกิดรอยจ้ำ ทว่าก็วางใจไม่ได้ หญิงสาวสำรวจตามร่างกายสามีเพื่อดูว่ามันเกิดจากส่วนใดแต่ก็ไม่เจอแผล ถ้ามันเกิดขึ้นภายในคงต้องทำเอ็มอาร์ไอ[2]เพื่อตรวจดู
แต่เดี๋ยวก่อน... เซลีนจำได้ว่าเมื่อคืนตอนจูบกันเธอเผลอกัดปากเขาด้วย และพอตรวจช่องปากก็พบว่ามีแผลจริง ๆ เธอจึงเก็บตัวอย่างเลือดและชิ้นเนื้อจากบาดแผลเล็ก ๆ นั้นให้หมอหนิงส่งตรวจที่แล็บฯ เพื่อหาเชื้อต่อไป หากไม่นานนักอาการองศาก็แย่ลง เธอจึงสั่งย้ายเขาไปรักษาตัวที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหนัก
เซลีนมองสามีที่หลับสนิทบนเตียงคนไข้อยากภาวนาให้ไม่เกี่ยวกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นนั้นที่เธอไม่ได้ห้ามเขาไม่ให้กินแต่ก็ดูเหมือนหลอกตัวเองเกินไป หากเธอจะไม่โทษตัวเองเพราะมันใช่ความผิดเธอเสียที่ไหน ถือเป็นคราวซวยขององศาไปแล้วกัน แต่ถ้าจะผิดก็คงผิดที่ไม่ได้ห้ามนั่นแหละ
ก็ใครจะไปห้ามทันล่ะ....
องศาต้องได้รับยาปฏิชีวนะให้ตรงกับเชื้อโรค โชคดีที่ผลตรวจเชื้อของเขาออกแล้วและร่างกายไม่ต่อต้านยาตัวนั้น เขาติดเชื้อจากแบคทีเรียแกรมลบในอุจจาระ เชื้อลุกลามจากแผลในช่องปากของเขาจริง หมอแล็บพยาธิฯ ที่เป็นเพื่อนองศายังอดแซวไม่ได้เลยว่าเขากินขี้มาหรือไง
เซลีนรู้ดีว่าไม่ใช่...
คิดว่าแอ้มไม่โง่เอาอุจจาระที่กลิ่นแรงใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ให้เธอทานหรอก หากเป็นปัสสาวะยังมีโอกาสมากกว่า อีกอย่างทางเดินทั้งสองระบบอยู่ใกล้กันจึงไม่แปลกที่จะปนเปื้อนซึ่งกันและกัน
“ก่อนจะเป็นแบบนี้หมอองกินแฮมเบอร์เกอร์ที่พี่ให้หมอเปิ้ลซื้อ”
เซลีนเอ่ยกับลูกทีมด้วยเสียงราบเรียบแต่ฟังแล้วทั้งดุและโหดจนทั้งสองขนลุกขนชัน ยิ่งตอนที่ตาสวย ๆ ของอาจารย์แพทย์คนงามละจากสามีมาตวัดมองพวกหล่อนก็ถึงกับกลืนน้ำลาย
“มีใครเอาอะไรใส่ลงไปหรือเปล่า”
เซลีนรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้วแต่เพราะเธอไม่ได้ห้ามองศาทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ก็คงเสี่ยงให้ตัวเองโดนหางเลขไม่ได้ แผนการของเธอกำลังไปได้สวยจะปล่อยให้พังเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ ไม่มีทาง
เรื่องราวถูกสาวไปถึงแอ้ม แต่หล่อนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาต่อหน้าลุงโอบและคณะกรรมการโรงพยาบาลอีกหลายคน ทั้งยังกล่าวหาว่าเซลีนกับลูกทีมรวมหัวใส่ร้ายหล่อน
“ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นด้วยหมอแอ้ม” เซลีนถามอย่างใจเย็น ตรงข้ามกับแอ้มที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ก็หมอเซลไม่พอใจที่แอ้มขู่จะฟ้องหมออง แล้วถ้าพูดกันตามตรงใครจะทนไหวเมื่อรู้ว่าสามีตัวเองพยายามจะเข้าหาผู้หญิงที่ทั้งสวยกว่า เด็กกว่า”
ลุงโอบที่รู้เรื่องของสองสาวนี้ดีนิ่วหน้าเพราะคำพูดของแอ้ม อาจเป็นเพราะเขารู้มากกว่าใครในห้องนี้กระมังถึงได้ฟังดูแปลก ๆ ขณะที่มุมปากเซลีนยกยิ้ม สายตาจดจ้องแอ้มเยือกเย็น นึกสมเพชคนหลงตัวเองเหลือเกิน แต่ก็เหมาะสมกันดีกับองศาแล้ว
“พี่ไม่มีความจำเป็นต้องอิจฉาเธอ แอ้ม” เซลีนมองหล่อนหัวจรดเท้าด้วยสายตาหยามหยัน ถ้าให้เทียบกันทั้งชาติตระกูล ตำแหน่งการงาน รูปร่างหน้าตา หรือแม้กระทั่งการวางตัว แอ้มไม่มีอะไรสู้เธอได้เลย
เหมือนหล่อนเองก็รู้ตัว พักหลังถึงได้พยายามแต่งตัวและใช้ของเหมือนกันกับเธอ แอ้มไม่พอใจสายตาแบบนี้แต่ก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ ให้สู้กับคนอย่างเซลีนมันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ถ้าไม่ใช่อย่างที่แอ้มว่า หมอเซลก็หาหลักฐานมาให้ได้สิคะว่าแอ้มทำ แอ้มแค่มีน้ำใจแท้ ๆ แต่มากล่าวหากันแบบนี้ หมอองศาไปกินอะไรมาก็ไม่รู้ มั่นใจได้ยังไงว่าจะใช่แค่แฮมเบอร์เกอร์”
เซลีนกระตุกยิ้ม เธอรู้ที่หล่อนกล้าพูดก็เพราะตรงนั้นเป็นมุมอับกล้องวงจรปิดพอดี แอ้มคิดว่าตัวเองโชคดีแต่ความจริงแล้วเปล่าเลย...
หมอพีเข้ามาราวกับถูกเบิกตัวพยานเพื่อนำคลิปหลักฐานที่ตัวเองบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์แล้วถ่ายไว้ได้มาให้ลุงโอบ คราวนี้แอ้มดิ้นไม่หลุดแถมเซลีนก็ยังไปทำคะแนนกับองศาต่อได้เพราะหญิงสาวนัดกับหมอพีก่อนแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องที่เขาส่งคลิปมาเตือนเธอก่อนนั่นเอง
แอ้มทำลายตัวเองไวกว่าที่คิดอีกแฮะ... เซลีนเสียแรงสมองน้อยกว่าที่คาดไว้เยอะ แต่ก็ต้องขอบคุณหมอพีไม่อย่างนั้นคนที่จะร่วงไปคุยกับรากมะม่วงจะเป็นเธอแทนองศา
องศาคิดว่าตัวเองจะไม่รอดไปกอดเมียเสียแล้วแต่จนแล้วจนรอดเขายังไม่ตาย แถมยังได้เห็นเมียรักฟุบหลับกับเตียงในขณะที่ยังกุมมือเขาเอาไว้อีก อดไม่ได้เลยเอื้อมมือที่มีสายน้ำเกลือลูบศีรษะเธอ ยิ้มอ่อนโยนประดับใบหน้า ถ้าคนเราต้องเฉียดตายแล้วตื่นมาเจอความอิ่มเอมใจเช่นนี้มันก็คุ้มเหมือนกันนะ
เขายกมือทาบปากตัวเองแล้วแตะที่แก้มนุ่มแทนการหอมเพราะนอนนานเกินไปจะขยับตัวไปหอมด้วยจมูกคงมีลั่นกันบ้าง จากนั้นเอามือกลับมาดอมดม ความหอมอย่างที่เขาหลงใหลยังไม่จางหายไปแม้ตอนนี้จะเย็นย่ำแล้วก็ตาม
ดูแล้วแม่นางฟ้าปีกบางของเขาคงเหนื่อยมาก ช่วงนี้หล่อนต้องเข้าเวรทั้งวันทั้งคืนไหนเขาจะมาป่วยแบบนี้ ระหว่างนอนรักษาตัวองศามีช่วงที่พอได้สติบ้างเลยรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากแอ้มที่ตั้งใจปองร้ายเซลีนแต่เขาดันรับเคราะห์แทน
คิดแล้วก็โล่งอกที่คนนอนตรงนี้คือเขา ถ้าเป็นเซลีนเขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
“ที่รัก”
เซลีนรู้สึกตัวเพราะเสียงนุ่มทุ้มของสามีและแรงสะกิดเบา ๆ ที่ต้นแขน ไม่รู้ตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแต่พอสะดุ้งตื่นแบบนี้รู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายเหนื่อยล้าเกินไปนั่นเอง
“รู้สึกยังไงบ้างบี๋” เห็นเธอห่วงใยกันแบบนี้องศาก็ยิ้มไม่หุบ
“ดีกว่าวันแรกมากเลย พรุ่งนี้น่าจะทำงานได้แล้ว”
“อย่ามั่ว” เธอค้อนปะหลับปะเหลือบ “เจ้าของเคสอยู่นี่ ถ้าไม่อนุญาตซะอย่าง บี๋ก็ยังกลับไปทำงานไม่ได้”
“แล้วถ้าเค้าไม่ฟังล่ะ?”
“เห็นดีกัน”
เธอขู่ยิ้ม ๆ แต่มันโคตรน่ารักเลยให้ตาย! องศาคิดว่าถ้าตนต้องตายตอนนี้ศพคงเป็นสีชมพูแน่ ๆ เลย
“บี๋ยิ้มอะไร”
“เค้ามีความสุข”
องศากุมมือเธอบ้าง ความอ่อนโยนสั่นคลอนความแข็งแรงของกำแพงใจไม่ต่างอะไรจากข้าศึกเรือนแสนกำลังพยายามทำลายมันจนเซลีนต้องย้ำเตือนถึงความเลวทรามของเขาอยู่ภายในใจ
“ขอบคุณที่รักมากจริง ๆ ที่ไม่ทิ้งเค้าไปไหน ทั้งที่เค้ามันเป็นผัวที่ไม่เอาไหนเลยแท้ ๆ แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเค้ามันก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ คนที่จะได้มานอนแทนเค้าตรงนี้อาจจะเป็นที่รัก”
สำนึกเหรอ?
เซลีนประมวลผลสิ่งที่เขาพูดมาแล้วก็อยากหัวเราะ คนเรามันน่าสมเพชแบบนี้นี่เอง เพราะกว่าจะสำนึกในความผิดก็สูญเสียอะไรไปหลายต่อหลายอย่าง สำหรับองศาแล้วสิ่งที่เขาจะไม่มีวันได้คืนมาอีกแล้วก็คือคนที่รักเขาสุดหัวใจเช่นเธออย่างไรเล่า
แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีให้เซลีนเตรียมแผนต่อไป หญิงสาวกระหยิ่มใจแต่กลับแสดงออกทางสีหน้าและแววตาราวกับจริงใจเหลือเกินพร้อมพูดว่า
“ก็เราเป็นสามีภรรยากัน จะทิ้งกันตอนที่อีกฝ่ายลำบากได้ยังไง”
“ขอบคุณนะครับ” คนเราจะเห็นอกเห็นใจกันก็ตอนเจ็บป่วยนี่เองสินะ หัวตาขององศาร้อนผ่าวด้วยซาบซึ้งในน้ำใจของสาวงามที่ตอนนี้ครอบครองดวงใจเขาหมดแล้วทั้งดวง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะเป็นไก่ได้พลอยไม่รู้ค่าของสิ่งที่มีอยู่ แต่จากนี้ไปมันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
เพราะเขารักเซลีน.... รักด้วยทั้งหมดของหัวใจ
“ที่รักกลับไปพักเถอะนะ เค้าไม่เป็นไรแล้ว ที่รักคงเหนื่อยมาก”
“บี๋จะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เซลีนพยักหน้าให้เขายิ้ม ๆ ก่อนออกไปหญิงสาวบอกลาสามีด้วยจุมพิตหวานละมุนที่เล่นเอาองศาเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าเมียรักเดินออกจากห้องไปเสียแล้ว
ลุงโอบรู้ดีที่แอ้มพยายามทำร้ายเซลีนมีแรงจูงใจมาจากองศา ถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อปกปิดไว้ ไม่รู้เสียค่าปิดปากให้แอ้มไปเท่าไหร่หล่อนถึงได้บิดเบือนความจริงที่ว่าเจตนาหล่อนคือโกรธแค้นเซลีนในฐานะภรรยาขององศาให้กลายเป็นไม่พอใจที่เซลีนใช้งานหล่อนหนักไปตอนอยู่อีอาร์ นั่นทำให้หล่อนแค่ถูกไล่ออก กระนั้นยังไม่เอ่ยปากพูดถึงองศาแม้แต่คำเดียว เซลีนเข้าใจแจ่มแจ้งว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายดายถ้ายังมีผู้ใหญ่อย่างลุงโอบ เธอได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้เมื่อท่านคุยเรื่องนี้ขณะทำความสะอาดมือเพื่อเข้าผ่าตัดคนไข้ด้วยกัน
“หนูจะเอายังไงต่อกับหมอแอ้ม”
“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ” ตอบแบบนั้นทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเรื่องอะไรจะสงสารผู้หญิงที่ย่ำยีวิชาชีพของเธออย่างแอ้มกัน คนเราจะงัดไม้เด็ดออกมาฟาดฟันกันเท่าไหร่ก็ได้แต่ต้องไม่เลือกวิธีต่ำ ๆ และในเมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผลที่ตามมาให้ไหว ถ้าไม่ไหวก็แพ้ไป แค่นั้นเอง...
“ให้มันจบที่ภายในดีกว่า หนูจะฟ้องหมอแอ้มไม่ได้นะ เพราะเท่ากับว่าไอ้องจะซวยด้วย”
ใช่... นั่นแหละความตั้งใจของเธอ เชื่อว่าองศาคงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วแต่ไม่อยากพูดเองเลยให้ลุงมาพูดแทน
“องศาให้ลุงมาพูดแทนเหรอคะ”
“เปล่า” ลุงโอบพูดความจริง เธอเงยหน้าจากซิงค์ล้างมือแล้วจ้องเข้าไปในตาท่านราวจะค้นหาความจริงใจ “ลุงพูดเพื่อลุงเอง หนูก็น่าจะรู้ แต่ลุงถามอย่างนึงสิ หนูอยากทำร้ายไอ้องมันจริง ๆ เหรอ”
ถ้าเธอตอบว่าใช่ ก็คงจะดูใจร้ายจนเกินไป ถ้าจะพูดให้สวยคงเป็นอยากเห็นกรรมตามสนององศาไว ๆ รวมถึงอยากให้ผู้ใหญ่อย่างลุงโอบได้รับบทเรียนด้วย แต่ก็นั่นแหละ... รักษาภาพพจน์ไว้ก่อน เพราะหากท่านรู้ความตั้งใจของเธอแล้วแผนที่วางไว้คงไม่ราบรื่น
“อย่าฟ้องเลย” ท่านว่า “...ลุงหวังว่าหนูจะเข้าใจความจำเป็นของลุงนะ”
“ค่ะ” เธอกระตุกยิ้ม “บางครั้งความจำเป็นก็ทำให้เรามองข้ามจรรยาบรรณ และบางครั้งมันก็ทำให้เรากลายเป็นคนเลวร้าย หนูเข้าใจดี”
ลุงโอบหน้าชาแต่ยังรักษาอาการไว้ได้ ตนทำงานมาสามสิบปี เซลีนไม่ใช่เพื่อนร่วมงานคนแรกที่ไม่พอใจเขา แค่ไม่คิดว่าเลือดร้ายกาจของพ่อหล่อนจะเข้มข้นขนาดนี้
“เราสองคนเหมือนกันก็ตรงนี้แหละรู้ไหม”
เหมือนงั้นหรือ... เธอจะถือเป็นคำชมก็แล้วกัน อย่างน้อยท่านก็ยอมรับว่าเธอเหลี่ยมจัดเหมือนกัน
“ลุงไม่ได้เข้าข้างองศาหรือว่าแอ้มนะ ลุงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่มันทำ แล้วลุงรู้เรื่องนี้พร้อม ๆ กับหนูนั่นแหละ”
“ค่ะ หนูทราบ” แต่คนเจ้าเล่ห์เอาแต่ได้อย่างลุงโอบไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาเธอ
“แต่ถ้าจะปล่อยให้เรื่องแอ้มกับหนูไปถึงศาลจนมันทำให้ลุงต้องเดือดร้อนเพราะพวกนั้นจะขุดเรื่องเลว ๆ ที่หลานชายลุงกับแอ้มทำเอาไว้ ลุงก็คงต้องเปิดโปงหนูด้วยเหมือนกัน...”
เซลีนขึงตามองคนที่บังอาจข่มขู่เธอ ความโกรธผสมปนเปกับความหวาดหวั่นจนร่างกายสั่นน้อย ๆ หากแต่โทสะมันมีมากกว่า เปิดโปงเธองั้นหรือ ตาแกนี่พูดอะไรของเขากัน... เหยื่อผู้ถูกกกระทำเช่นเธอมีอะไรให้น่าเปิดโปงนักหนา
“หนูวางยากล่อมประสาทไอ้องมันทุกวัน ต้องให้ลุงเดาไหมว่าเพื่ออะไร”
หญิงสาวไม่คิดว่าจะมีคนจับได้ ที่ผ่านมาเธอรู้ดีว่าลุงโอบฉลาดเป็นกรดแถมร้ายกาจทั้งรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เป็นเธอเองที่ประมาทจนเรื่องถึงตัวแบบนี้
“อย่าคิดว่าลุงไม่รู้สิ... ถึงมันจะเป็นแบบออกฤทธิ์อ่อน ๆ แต่ใช่จะไม่ปรากฏในผลเลือด แล้วแฮมเบอร์เกอร์นั่น... ถ้าหนูไม่รู้มาก่อนว่ามันมีอะไรอยู่ หนูคงกินไปก่อนไอ้องมันอีกจริงไหม”
“...”
“หนูปล่อยให้ไอ้องกิน แถมยังมาตีหน้าซื่อว่าไม่รู้อะไรมาก่อน” เซลีนอ้าปากจะเถียงแต่ท่านยกมือขึ้นปราม ไม่อยากฟังอะไรที่ตนเองก็เข้าใจดีอยู่แล้ว “ถ้าแอ้มจะผิดเพราะประพฤติหรือกระทําการใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ หนูก็ผิดเหมือนกัน”
เซลีนจ้องหน้าชายสูงวัยนิ่ง แต่ในความนิ่งก็คล้ายมีมีดแหลมทิ่มแทงร่างกายเพราะแววตาดุเข้มไม่ต่างจากพ่อของเซลีนนั่นเอง มันเหมือนไอ้แก่ศราเปลี่ยนร่างใหม่มาฟาดฟันเขาอีกครั้งไม่มีผิด
“เห็นไหมว่าลุงไม่ได้เข้าข้างสองคนนั้นเลย ลุงเข้าข้างหนู”
เซลีนเหยียดยิ้มมุมปาก ความร้ายกาจฉายชัดในแววตาจนคนเจนโลกอย่างลุงโอบยังแอบสะท้าน
“ที่หนูทำไปก็เพราะหนูรักเขา” ข้ออ้างที่มีความจริงไม่น้อยนี้คงไม่ได้ทำให้ท่านเชื่อสนิทใจหากก็ต้องมีสับสนกันบ้าง
คนสูงวัยหรี่ตามองหลานสะใภ้ แม้ปากยิ้มแต่มันกลับไปไม่ถึงดวงตา พิจารณาเจตนาของเซลีนอย่างถี่ถ้วนมาหลายต่อหลายครั้งแล้วท่านก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าลึก ๆ หล่อนต้องการอะไร
“ไม่ว่าหนูจะทำอะไรลุงจะไม่ห้าม ส่วนเรื่องไอ้อง ลุงก็มีส่วนผิดที่เลี้ยงมันมาโดยที่ไม่เคยหยิบยื่นความรักให้มัน ก็ไม่แปลกถ้ามันจะไม่รู้จักความรัก แต่คนอย่างมันถ้าได้รักใครแล้ว มันยอมแลกทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ความฝัน หรือแม้กระทั่งชีวิต หวังว่าถ้าถึงวันนั้นแล้ว... หนูจะพอใจกับสิ่งที่ได้จากมันนะ”
ลุงโอบเก่งเรื่องพูดให้คนอื่นดูเป็นคนเลวร้ายทั้งที่เธอถูกแอ้มกับองศากระทำมาตลอด อีกทั้งสิ่งที่องศาทำกับเธอมันไม่ใช่ว่าเขารู้จักความรักหรือไม่หรอก มันเกี่ยวกับความเป็นคนมากกว่า
พูดแบบนี้เหมือนยอมรับว่าที่ผ่านมาเลี้ยงหลานให้เป็นสัตว์สินะ... ได้เลย เดี๋ยวเซลีนคนนี้จะสงเคราะห์จิตใจต่ำช้าขององศาพัฒนาให้สูงขึ้นเอง
[1] ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
[2] Magnetic resonance imaging, MRI คือการสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก หรือ การตรวจเอ็กซ์-เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
+ + +
แรกทีเดียวองศาคิดว่าเซลีนจะดำเนินคดีกับแอ้มเพราะคนซวยอย่างเขาให้เธอมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ แน่นอนเขาเตรียมตัวเตรียมรับกรรมที่ตัวเองก่อเช่นกัน แต่ความดีของเซลีนก็มีมากกว่า เพราะหญิงสาวไม่เอาเรื่อง บอกว่าเท่าที่แอ้มได้รับมันก็สาสมพอแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงจะซ้ำเติมแอ้มและเล่นงานผัวเลวอย่างเขาไปแล้ว
เมียเขาดีเหลือเกิน... ดีจนคนชั่วอย่างเขารู้สึกละอาย
ถ้าเขาไม่ไปยุ่งกับแอ้มเรื่องมันคงไม่ลงเอยแบบนี้ สิ่งที่พอจะทำได้ดีที่สุดคงจะเป็นยุติทุกอย่างกับหล่อนเพื่อเริ่มใหม่กับคนที่เขารัก ถึงจะเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ ทว่านับแต่นี้ต่อไปเขาจะชดเชยความผิดพลาดด้วยการรักและดีกับเซลีนให้มากขึ้นทุกวัน
“เลิกกันงั้นเหรอ?”
แอ้มแทบไม่เหลือความภาคภูมิใจในอาชีพ แต่ที่ไม่ยอมเปิดโปงความสัมพันธ์ขององศาเพราะรับเงินท่านประธาน หล่อนไม่ได้ถือศักดิ์ศรีหรือยึดความสะใจจนลืมความเป็นจริงที่ว่าหล่อนต้องกินต้องใช้ ครอบครัวหล่อนเองก็ต้องพึ่งหล่อน แต่เงินสามล้านจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน
ก่อนนี้องศาจึงเป็นความหวังสุดท้ายของหล่อน แต่เขากลับมาตัดเยื่อขาดใยถึงบ้านเช่า รู้ดีการกระทำเขาชัดเจนมาตลอด ทว่าหล่อนยังทนหน้าด้านเพราะคิดว่าถ้าเขาเบื่อเซลีนก็คงกลับมาเอง
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ใจดวงน้อยปวดร้าวราวถูกศรแหลมกรีดแทง และยิ่งหล่อนพยายามดึงมันออกเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น
“ผมรักเซลีน”
รักเซลีน... เขาพูดมาได้ในเมื่อที่ผ่านมาเขามาหาหล่อน ตักตวงความสุขจากหล่อนก็เพราะว่าเขาเบื่อผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือ แค่ได้นอนกับเซลีนไม่เท่าไหร่เขาหลงกลิ่นใหม่เป็นได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลพราก ไม่อาจเก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเธอยอมเป็นอีบ้าหน้าด้านหน้าทนก็เพื่อเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างนั้นหรือ
“แล้วแอ้มล่ะ? คุณเคยรักแอ้มบ้างหรือเปล่า”
“ผมขอโทษ”
คำขอโทษคือคำตอบที่ดีที่สุด หัวใจช้ำคล้ายถูกบีบซ้ำ หล่อนดูแลปรนนิบัติเขามาเป็นปีต้องแพ้ให้เมียที่เขาไม่เคยไยดีภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน แต่สำหรับองศาเขายึดข้อตกลงกับหล่อนเป็นที่ตั้ง ว่ามันจะไม่มีความรัก ไม่ผูกมัด มีเพียงความใคร่เท่านั้นที่ขับเคลื่อนให้เขากับหล่อนมาเกี่ยวข้องกันและวันนี้มันควรจบได้แล้ว
“คุณเป็นคนสวยแถมยังน่ารักมากนะแอ้ม คุณจะต้องเจอคนที่เหมาะกับคุณ”
“แอ้มผิดอะไรเหรอคะ ทำไมองศาถึงทำแบบนี้”
องศากลืนน้ำลายลงคอ แม้ไม่ได้รักแอ้มและมองความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงชั่วคราวโดยไม่คิดว่าแอ้มที่พูดกับเขาว่าจะไม่ผูกมัด ไม่หึงหวง ไม่แสดงความเป็นเจ้าของกลับเป็นฝ่ายคิดจริงจังเสียเอง แต่ยอมรับว่าหล่อนก็น่ารักกับเขาตลอดมา ถึงหล่อนจะไม่ได้เข้าอกเข้าใจเขาเท่าเซลีนในตอนนี้ก็ตาม อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาไม่ได้เปิดใจให้ภรรยาตัวเองก็ได้ สิ่งที่เซลีนเคยทำให้เขาก็เลยกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญขัดหูขัดตาไปเสียหมด หากพอปลดล็อกความรู้สึกนั้นได้แล้ว ก็ค้นพบเพียงความรักที่เขามีเต็มหัวใจและไม่อาจมีใครเข้ามาแทรกกลางแก่งแย่งไปจากเธอได้อีกแล้ว
“ผิดที่ผมเอง” เขายอมรับออกมาเหมือนคนหมดสภาพ “ผมหลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่นแถมยังโกหกหลอกลวงแล้วไม่เคยยับยั้งชั่งใจ ทั้งที่รู้สถานะตัวเองดีอยู่แล้วว่ามีพันธะ แต่ผมก็ยังยอมให้คนอื่นเข้ามาแทรกกลาง”
“พูดเหมือนแอ้มเป็นสิ่งเลวร้ายที่คุณปล่อยให้เข้าไปในชีวิตงั้นแหละ”
องศาถอนหายใจ หล่อนว่าร้ายตัวเองเกินไปแต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ต่างกัน
“คุณล้ำเส้นผม”
“...” หล่อนพูดไม่ออก เส้นนั้นหล่อนเป็นคนขีดขึ้นเองด้วยต้องการเอาใจเขา หากไม่คิดเลยว่าตนจะไม่สามารถเปลี่ยนใจองศาได้
“แล้วก็ลองคิดดูดี ๆ นะ ตอนเข้ามาในชีวิตผม คุณรู้ดีว่าผมมีเมียแล้ว เช่นเดียวกับที่ผมรู้ ผมไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้หลอกคุณ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันมีอะไรดีบ้าง ที่ชีวิตคุณต้องมาอยู่จุดนี้ก็เพราะมันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่!” หล่อนแผดเสียงร้องลั่นท่าทางฟูมฟาย “เป็นเพราะอีนังเซลีน เป็นเพราะอีบ้านั่นมันกลั่นแกล้งแอ้ม มันปั่นหัวแอ้ม ถ้าไม่มีมันสักคนเราก็คงไม่เป็นแบบนี้กันหรอกองศา ถ้าไม่ใช่เพราะมันรั้งองศาไว้ เราก็คงไม่ต้องเลิกกัน”
“เซลีนเป็นเหยื่อความมักมากของเราสองคน คนที่น่าสงสารในเกมนี้ไม่ใช่คุณ”
เขารู้ว่าเซลีนเองก็คงเจ็บปวดแสนสาหัสที่ต้องเก็บซ่อนไว้เพื่อจะได้ตักตวงความสุขที่มีร่วมกันในสามเดือนสุดท้าย ทั้งที่เอาเข้าจริงคงไม่มีใครลืมความเจ็บปวดนั้นไปได้ง่าย ๆ
เซลีนทั้งน่าสงสารแล้วก็เป็นผู้หญิงแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอในผู้หญิงคนไหน แอ้มยกมือปาดน้ำตาเจ็บปวดแทบขาดใจ องศาเอาแต่เข้าข้างและเห็นใจเซลีนแล้วหล่อนเล่า... เขาเห็นหล่อนเป็นเพียงดอกไม้ริมทางจะทิ้งขว้างเมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นหรือ
“คิดว่าแอ้มจะยอมจบง่าย ๆ เหรอองศา”
มันเป็นจริงอย่างที่เขาว่า แต่เธอเดินหน้ามาไกลมากแล้วจะไม่มีวันหันกลับ ด้านองศาเหนื่อยหน่ายกับความดื้อด้านของแอ้มเหลือเกิน เขาพูดดีด้วยก็แล้ว ใช้เหตุผลอย่างไรก็แล้วหล่อนยังดื้อด้าน ถ้าใช้ไม้แข็งอย่าหาว่าเขาใจร้าย
“เลือกเอานะ จะเลิกกับผมแล้วเอาเงินห้าล้านไป หรือจะดื้อด้านจนไม่ได้อะไรเลย เพราะทั้งสองทางเลือกมันก็เท่ากับว่าไม่มีเรื่องของเราอีกต่อไปแล้วเท่ากัน”
คำพูดเย็นชาเหมือนมีดพร้าฟันฉับลงกลางใจแต่องศาเลือดเย็นกว่านั้นเพราะสายตาที่มองมาไม่ต่างจากหล่อนเป็นอากาศ ไม่มีความสำคัญต่อชีวิตหรือแม้กระทั่งหัวใจ ซ้ำเติมด้วยการจากไปแบบไม่ลาสักคำ
หญิงสาวปล่อยเสียงร้องไห้โฮเจ็บปวดหัวใจ หล่อนยอมทิ้งทุกอย่างก็เพื่อเขา ยอมเสียสละไม่เปิดโปงเรื่องของเราเพื่อมาโดนเขาทิ้งในตอนสุดท้ายงั้นหรือ
“เธอจะยอมง่าย ๆ แบบนี้จริงเหรอ”
หมอธารออกมาจากที่ซ่อน แอบฟังตั้งแต่แรกจึงรู้เรื่องทุกอย่าง เดิมทีมาเยี่ยมแอ้มแล้วต้องหลบไปก่อนเพราะองศามาด้วยแอ้มไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอรู้เรื่องของเขากับหล่อน
“ฉันไม่ยอมหรอก” หล่อนบอกเสียงสะอื้นพลางกำหมัดแน่น แต่เดี๋ยวเดียวความหวังในแววตาหล่อนก็จางหายไป “...แต่ว่าฉันจะทำอะไรได้ล่ะ เธอก็เห็นว่าเขาไม่ไยดีฉันเลย”
หมอธารมองตามทางที่องศาเดินออกไป ผู้ชายเหี้ยอะไรน่าเกลียดฉิบหาย เวลาทำผิดก็ร่วมกันทำแต่สุดท้ายทิ้งให้อีกฝ่ายต้องเสียใจและเผชิญชะตากรรมเลวร้ายเพียงลำพังส่วนตัวเองก็กลับไปสมหวังกับคนที่ตัวเองรัก องศาเป็นผู้ชายที่ไม่สมควรได้รับความรักจากใครเลยจริง ๆ
ด้านแอ้มหล่อนมีความย้อนแย้งในตัวค่อนข้างมาก หล่อนเก่ง แต่ขาดความรอบคอบ ใจร้อนมุทะลุ ชอบชิงดีชิงเด่น อยากได้อะไรต้องเอามาครอบครองให้ได้ไม่เว้นแม้แต่สามีคนอื่น ทว่าเนื้อแท้แล้วกลับเป็นผู้หญิงหัวอ่อน ดูจากที่หล่อนถูกเซลีนปั่นจนหมุนนี่อย่างไร ถือเป็นคนน่าสงสารในสมรภูมิที่เซลีนเดินเกมได้น่าสยดสยองแบบนี้ แต่จากทัศนคติที่หล่อนมีต่อการเป็นชู้คนอื่นหล่อนก็สมควรโดนเอาคืนไม่ต่างจากผู้ชายหน้าตัวเมียคนนั้นเลย
“นี่ เลิกร้องไห้ฟูมฟาย ตั้งสติแล้วฟังฉัน!” หมอธารจับไหล่แอ้มท่าทางจริงจัง “ฉันมีแผน..”
ไม่เชิงว่าหมอธารนอกแผนเสียทีเดียวเพราะคำสั่งของเซลีนก็ไม่ได้หนีจากสิ่งที่ตนกำลังทำเสียเท่าไหร่ เสร็จงานนี้คงต้องขอโดเนทเพิ่มเสียหน่อยแล้ว หลังทั้งปลอบทั้งเสี้ยมแอ้มจนออกมาจากบ้านหล่อนแล้ว หมอธารก็โทร.รายงานพี่สาวด้วยท่าทางระรื่น
“...ทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เล่าเลยพี่เซล เป็นไงมั่งเข้าท่าเปล่า”
‘ปังว่ะ’ น้ำเสียงเจือหัวเราะเล็กน้อยบ่งบอกว่าเซลีนกำลังอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ‘แบบนั้นแหละ อิองมันจะได้รู้ว่าแค่เศษเงินของมันน่ะ ปกปิดความชั่วที่มันทำไม่ได้หรอก’
ช้างตายทั้งตัวคนฉลาดที่ไหนจะเอาใบบัวมาปิดกัน องศาคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะกลบฝังความเลวทรามของตัวเองได้งั้นหรือ เหอะ! ฝังตัวเองน่าจะง่ายกว่ามั้ง
คนที่คิดว่าเรื่องตัวเองกับชู้รักจบแล้วแวะร้านเพชรของเพื่อนเพื่อรับของสำคัญก่อนตรงกลับบ้านที่เขารู้ว่าเมียรักกำลังคอยอยู่ พบว่าเซลีนนั่งอ่านรายงานการวิจัยของหมอเปิ้ลตรงโซฟาห้องรับแขก วันหยุดแบบนี้เธอสวมชุดเรียบง่ายแต่ทำไมเขามองแล้วร้อน ๆ หนาว ๆ คงเพราะเสื้อยืดสีขาวของเธอมันบางจนเห็นข้างในกระมัง
“กลับมาแล้วครับ”
คนตัวโตเข้าไปกอดไปหอมเมียสุดที่รัก เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความรักกับเธอได้อย่างโล่งใจไม่มีเรื่องของใครมาก่อกวน
“ทำอะไรกินครับวันนี้”
“ไม่ได้ทำ”
เสียงห้วนสั้นไม่ได้ทำให้เขาเอะใจ แต่กลับเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาจากลมหายใจภรรยาสาวมากกว่า
“ที่รักดื่มแต่วันเลยเหรอ” เขาเพิ่งเห็นแก้วไวน์สองใบวางที่โต๊ะกลาง ใบหนึ่งเป็นของเธอแล้วอีกใบเป็นของใคร ดวงใจองศาไหววูบ... ใครมาดื่มกับเซลีนกันนะ เพื่อนงั้นหรือ แล้วเป็นเพื่อนผู้หญิง หรือว่าผู้ชายล่ะ?
“ทำไมเหรอ ดื่มไม่ได้หรือไง?”
“ได้สิ แต่มันจะดีถ้ารอเค้าก่อน” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ทิ้งตัวนั่งเบียดเธอแล้วดึงเธอเข้ามากอด ซุกซ่อนความแคลงใจเพราะแก้วไวน์นั่นแล้วล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “สวยไหม”
แม้จะบอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยทั้งพยายามตั้งกำแพงใจสูงเพียงใดแต่ใจก็ยังหวั่นไหว ยิ่งเมื่อเห็นจี้รูปนางฟ้าตัวน้อยประดับเพชรบนมือองศา และสีหน้าแววตาเริงรื่นชื่นบานอย่างคนโง่ที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ความตั้งมั่นของหญิงสาวก็คล้ายจะเอนเอียง
“นางฟ้า?”
“ครับ” องศายิ้มหวาน ไล่สายตามองทุกองคาพยพบนใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอาง “เค้าสั่งทำให้ที่รักโดยเฉพาะเลยนะ เพราะในสายตาเค้า ที่รักเหมือนนางฟ้าตัวน้อยปีกบาง ๆ ที่คอยสร้างความพิเศษให้ชีวิตเค้า ที่รักชอบหรือเปล่า”
ถ้าเมื่อก่อนเธอคงบอกเขาว่าชอบมาก อาจจะทั้งจูบทั้งหอมเขาเพื่อขอบคุณ แต่ตอนนี้ต่อให้ชอบแล้วมันอย่างไรเล่า... จะยอมให้ที่ทำมาสูญเปล่าเพียงเพราะเขาทำดีเอาใจกับพูดจาหวานเลี่ยนเพียงไม่กี่คำงั้นหรือ ไม่มีทาง... สิ่งที่องศาจะได้จากเธอก็คือคำลวงอย่างที่เขาเคยหยิบยื่นให้เธอ
“ชอบ ขอบคุณ”
ไม่มีน้ำเสียงออดอ้อน ปราศจากหางเสียงหวานกังวานที่เรียกเขาว่าบี๋ หากองศาก็ยังไม่อยากคิดอะไรเพราะอยากช่วยเธอสวมสร้อยเส้นนี้ ทว่าหญิงสาวปัดออก องศามองอย่างไม่เข้าใจ หากก็ไม่มีคำอธิบายใดจากเธอนอกจากว่า...
“วันนี้จะออกไปทานข้าวข้างนอก”
“ร้านไหนดีครับ” เซลีนคงโมหิวแล้วเขาก็คิดว่าเธอจะออกไปด้วยกัน แต่คนที่ลุกพรวดขึ้นกลับหันขวับมาบอกตัดรำคาญว่า
“ฉันจะไปกับเพื่อน”
องศานิ่งอึ้งเจ็บหนึบในหัวใจคล้ายมันถูกบีบรัด สรรพนามที่เจ้าหล่อนเรียกตัวเองเปลี่ยนไป หญิงสาวโกรธอะไรเขาหรือเปล่านะ
ท่าทางเย็นชาไร้ความอ่อนหวานพาให้องศาร้อนใจ ชายหนุ่มกอดอกพิงไหล่กับผนังข้างประตูห้องนอนใหญ่ที่ภรรยาเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ความเงียบงันพาความคิดฟุ้งซ่านเล่นงานจนเขาคิดไปสะระตะ พอประตูเปิดเขาก็รีบถาม
“ที่รักโกรธอะไรเค้าหรือเปล่า”
เซลีนเหลือบมองเขา สีหน้าแสดงความรำคาญชัดเจน หากก็ไม่ตอบอะไร หญิงสาวในชุดแสนเซ็กซี่เย้ายวนเดินผ่านเขาไป ไม่มองมาแม้แต่หางตา พอไม่ได้ข่มความเจ็บปวดเสียใจเอาไว้แล้วแสร้งตีหน้าใสซื่อราวกับอีผู้หญิงโง่ เธอถึงได้รู้ว่าคนอย่างองศาไม่คู่ควรกับความสงสารที่มันเริ่มประท้วงอยู่ในจิตใจเลยแม้แต่น้อย
“เซล... เป็นอะไรไป เค้าทำอะไรผิด”
องศาฉุดรั้งเรียวแขนเธอไว้ได้ เซลีนหันมองเขาด้วยแววตาชิงชัง หัวใจชายหนุ่มสั่นสะท้านไร้แรงต้านทานต่อความเกลียดชังรุนแรงนั้นโดยสิ้นเชิง
“ทบทวนเองสิ”
น้ำเสียงราบเรียบหากเป็นดั่งทวนแหลมพุ่งปักกลางหัวใจ เซลีนสะบัดมือแขนออกแล้วเดินจ้ำออกจากบ้านไป
องศายืนงุนงง ปัญหานี้ไม่มีสัญญาณมาก่อน เขาเลยนึกไม่ออกจริง ๆ หรือเพราะเขาไปหาแอ้มกันนะ องศาพยายามครุ่นคิดด้วยกระวนกระวายใจ กว่าสี่ชั่วโมงที่ผ่านไปเขาลิสต์ความผิดอันน่าจะเป็นของตัวเองในหัวได้เป็นร้อย ๆ เรื่อง
เธออาจงอนที่เช้านี้เขาลืมเก็บแปรงสีฟันก็ได้... แต่เซลีนไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น เขาร้อนใจจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งตอนนี้ดึกแล้วหญิงสาวก็ไม่ยอมกลับมา องศาก็ยิ่งร้อนรนไปอีก
เซลีนไปกับใครนะ ตอนรถคันหนึ่งมารับหน้าบ้าน ฟิล์มกรองแสงแบบทึบทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นใคร ใช่เจ้าของแก้วไวน์นั่นหรือเปล่า กลัวเหลือเกินว่าสาเหตุที่ทำให้เมียรักเปลี่ยนไปคือเธอมีคนใหม่
เขากลัวเวรกรรมจะตามทัน กลัวเธอจะแบ่งใจให้ใครนอกจากผู้ชายเลว ๆ อย่างเขา
องศาล้มตัวนอนบนโซฟา มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกที่เห็นทางเข้าบ้าน รอการกลับมาของภรรยาเป็นระยะ พลางยกมือก่ายหน้าผากรับมือกับความคิดมากมายที่ทำให้เขาร้อนใจจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าประตู
สภาพของเซลีนเขารู้เลยว่าเธอดื่มแต่ยังคงมีสติและเดินตรงดีทว่ากลิ่นไม่ชวนพิสมัยเท่าไหร่ มือบางเขวี้ยงรองเท้าและกระเป๋ากระจัดกระจาย เขาที่นิ่วหน้ามองอย่างตำหนิจำต้องตามเก็บให้ แต่เมียตัวดีใช่จะสนใจ ยังเดินระรื่นฮัมเพลงไปทิ้งตัวบนโซฟา
“องศา!” แหกปากเรียกชื่อเขาเหมือนเรียกคนใช้ “ไปเอาน้ำเย็นมาให้กินหน่อยสิ”
คิดว่าเขาจะทำให้งั้นหรือ...
ใช่! เขาทำเพราะไม่อยากขัดใจให้เมียต้องเคือง แก้วคริสตัลที่มีน้ำเย็นรินจนเกือบเต็มวงบนโต๊ะกลาง พร้อมกันนั้นยังมีผ้าชุบน้ำเย็นสำหรับเช็ดหน้าเช็ดตาเธอด้วย
เขาค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้คนที่หลับตาพริ้มด้วยไม่สบายตัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าสวยหวานของเซลีนแต่งแต้มเครื่องสำอางสวยงามแต่น้ำเมาทำให้สองพวงแก้มแดงเรื่อคล้ายแก้มเด็กน้อยเห่อแดด ชั่ววินาทีหนึ่งความหลงใหลที่มีแต่เมียรักทำเขาหายแคลงใจ สายตามากความหมายทั้งรักทั้งห่วงใยไล่มองใบหน้าอ่อนละมุนนั้น
เธอเหมือนยาวิเศษที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพอารมณ์แบบใดก็หลงลืมไปได้ด้วยเสน่ห์ของเธอ ใบหน้าคมเข้มโน้มลงหมายจะครอบครองเรียวปากสวยอิ่มหากต้องชะงักเมื่อกลิ่นนางฟ้าที่เขาเคยดอมดมผสมมาด้วยน้ำหอมในแบบฉบับผู้ชายที่พาใจเขาขื่นขม
“เซล” สองมือจับไหล่เธอขึ้นมาแล้วเค้นถาม “ไปดื่มกับใครมา”
“เพื่อน” คนแกล้งเมาแสร้งพูดอ้อแอ้ นึกสะใจที่เห็นองศาร้อนรน
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
เธอแกล้งหัวเราะร่วนลืมตาปรือ ๆ มองสามีชนิดเล่นหูเล่นตาสุดฤทธิ์แล้ววาดแขนกอดรอบลำคอหนารั้งใบหน้าองศาให้เข้ามาชิดใกล้ ยิ่งเขาได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่เธอตั้งใจฉีดผสมกันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งสาแก่ใจมากเท่านั้น
“ผู้หญิงค่ะบี๋ขา”
“แต่ทำไมมีกลิ่นน้ำหอมผู้ชาย” องศาเค้นเสียงผ่านไรฟัน หัวเสียที่เธอปั่นหัวด้วยสำเนียงหวานทั้งที่เมื่อเย็นแทบจะเข่นฆ่ากันด้วยสายตายังพอทน แต่เรื่องกลิ่นแปลกปลอมเขายอมไม่ได้จริง ๆ เพราะเพียงแค่คิดว่าเธอไปกอดหอมคลอเคลียกับผู้ชายคนอื่นใจเขามันก็ร้อนดั่งไฟ ขอเพียงเซลีนเอ่ยชื่อมาว่ามันเป็นใครเขาจะหามันให้เจอแล้วตามไปเอาเรื่องมันถึงที่
“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงใช้น้ำหอมผู้ชายก็มีเยอะไปค่ะ”
“โกหก” เขาขืนตัวไว้ตอนที่นางฟ้าปีกบางโน้มเขาลงไปคลอเคลีย
“ไม่เชื่อเหรอ?”
เซลีนแกล้งเอียงคอมองเขาพลางทำตาปริบ ๆ ตอนนี้ไอ้ผัวเลวคงรู้แล้วว่าเธอเคยรู้สึกเช่นไรตอนถูกเขาทิ้งให้เป็นอีผู้หญิงหน้าโง่นอนจมปลักกับความคิดฟุ้งซ่านจนแทบบ้าอยู่ที่บ้าน เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจก่อนจะพูดว่า
“ก็ไม่รู้จะทำไงให้เชื่อแล้ว”
หญิงสาวผลักเขาออกแล้วลุกออกจากโซฟาเดินตรงแด่วไม่เหมือนคนเมาไปเปิดประตูห้อง ทิ้งให้องศางุนงงสับสนกับการกระทำของเธออยู่ตรงนั้น กว่าจะรู้ตัวว่าถูกเมียลงโทษก็ตอนที่ดึงประตูห้องแล้วพบว่าเธอลงกลอน
“เซล เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เซลีน!”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน เซลีนกำลังนั่งเช็ดเครื่องสำอางอยู่หน้ากระจก มุมปากสวยกระตุกยิ้มร้ายกาจให้เงาตัวเอง คนอะไรขนาดทำหน้าร้าย ๆ แล้วยังสวยเป็นบ้า อย่าว่าแต่สามเดือนเลย เธอมั่นใจว่าองศาหลงในตัวตนที่แท้จริงของเธอแบบนี้ตั้งแต่สามชั่วโมงแรกที่เธอเปิดเผยออกมา
ส่วนคืนนี้ก็นอนห้องนอนเล็กไปนะคะผัวขา...
+ + +
ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกเพราะเช้านี้แอ้มหอบข้าวของเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันทั้งที่องศานึกว่าหล่อนยอมจบ ก็เอาเงินห้าล้านไปแล้วไม่ใช่หรือไง
“กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะแอ้ม” เขาไล่หล่อนโต้ง ๆ ต่อหน้าเซลีนที่ปั้นหน้าเสียใจ นี่เป็นแผนสุดปังที่เธอกับยัยนุ้งร่วมกันคิดขึ้นมา แต่สำหรับองศาแล้วแววตาหม่นเศร้าของเธอราวกับไฟร้อนที่นาบเผาหัวใจ
ทั้งที่ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ว่าจะไม่ให้หญิงสาวต้องเจ็บปวดอีก แต่เขากลับจัดการอะไรไม่ได้ เขามันไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
“ทำไมแอ้มจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ นี่เป็นเรือนหอที่คุณสร้างไว้อยู่กับเมียไม่ใช่เหรอคะ แอ้มก็เป็นเมียคุณคนหนึ่งเหมือนกันนะคะ”
“ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“ทำไมคะ”
แอ้มลอยหน้าถามเขา การที่หมอธารให้สติทำให้หล่อนนึกได้ว่าตัวเองก็มีไพ่เด็ด
“...จะทำลายหน้าที่การงานแอ้มเหรอ? แต่เสียใจนะคะ พวกคุณทำอะไรแอ้มไม่ได้อีกแล้ว แอ้มได้งานใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกคุณอีก แต่กลับกัน... พวกคุณไม่คิดว่าแอ้มจะทำลายหน้าที่การงานขององศาบ้างเหรอถ้าแอ้มเปิดเผยเรื่องของเรา องศาก็จบเห่ ลุงโอบด้วยอีกคน”
“คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้แอ้ม คุณรับเงินพวกเราไปแล้ว”
ช่างน่าสมเพช... เซลีนนึกหยันในใจ แค่มีเงินก็คิดว่าจะทำระยำตำบอนอะไรก็ได้เพราะถ้าอยากให้เรื่องจบก็แค่เอาเงินฟาดหัวสินะ จากนี้องศาจะได้เข้าใจว่าเศษเงินของมันไม่มีประโยชน์ ริสร้างเรื่องใหญ่เอาไว้ก็ต้องทำใจว่าสิ่งที่ต้องใช้ปกปิดไม่ใช่จะน้อย
“แค่เศษเงินต่างหาก”
“แอ้ม!” องศากำหมัดแน่น หล่อนกำลังจะโกงเขากับลุงงั้นหรือ ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตเขาคงเป็นการเข้าไปยุ่งกับหล่อน “จะออกดี ๆ หรือต้องให้ลากคุณออกไป”
“ก็เอาสิคะ” หล่อนเชิดหน้า
เซลีนลอบแสยะยิ้ม ควายตีกันเป็นอย่างไรเธอไม่รู้ รู้แต่สองคนนี้ตีกันแล้วสนุกดี แต่มาถึงตอนนี้ถ้าให้ผัวชั่วลากแอ้มออกไปได้คงกร่อยกันพอดี
“บี๋พอเถอะค่ะ” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลร่วงจากขอบตาราวรู้หน้าที่ องศาหันไปตามเสียงเห็นดวงตาเศร้าหมองแดงก่ำเพราะร้องไห้ใจเขาก็แทบจะขาดรอน ๆ
“ที่รัก...” องศากางแขนจะรวบเธอมากอด แต่เซลีนเดินไปหาแอ้มแล้วยกมือปาดน้ำตาปาหี่
ความสยองของเซลีนที่หลอกหลอนพาให้หล่อนถอยเท้าหวาดหวั่น คนบ้าอะไรขนาดร้องไห้ยังส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายหล่อนได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้องศาไปรักไปหลงได้อย่างไร หรือเขาชอบผู้หญิงร้าย ๆ ซึ่งที่ผ่านมาหล่อนร้ายไม่ถูกจริตเขางั้นสินะ
“เค้าอนุญาตให้แอ้มอยู่ที่นี่” เธอบอกกับสามี แต่สายตาไม่ละจากใบหน้าแอ้ม หล่อนทั้งกลัวระคนแปลกใจเซลีนจะมาไม้ไหนกัน ด้านองศานั้นเขาไม่เห็นด้วย
“ไม่ได้นะที่รัก”
“ได้สิ”
เซลีนหันดวงหน้าเปื้อนน้ำตาไปมองคนที่เข้ามาแตะที่ปลายแขน น้ำตาของเธอที่ร่วงต่อหน้าต่อตาพาองศาสะท้อนในอก คำที่จะพูดออกมาถูกกลืนเข้าไปในลำคอ
“...แอ้มพูดถูกแล้วที่ว่าเธอเป็นเมียบี๋อีกคน เค้าจะไม่เพิกเฉยแล้วปล่อยให้บี๋ปัดความรับผิดชอบอีก แล้วอีกไม่นานเค้าก็ต้องไปจากบี๋อยู่ดี ให้แอ้มมาอยู่ที่นี่จะได้เรียนรู้หน้าที่ดูแลบี๋ต่อจากเค้าเถอะ”
“ไม่... เซล”
เขาจับไหล่ให้เมียรักหันมา ภาพบาดตาบาดใจทำให้แอ้มต้องข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เชื่อคำพูดของหมอธารว่าเกมนี้หล่อนจะอ่อนแอไม่ได้อีกแล้ว ส่วนองศาก็พูดต่อ
“อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกเข้าใจไหม จะไม่มีใครมาแทนที่ที่รักได้ แล้วก็ลืมเรื่องสามเดือนนั่นไปได้เลย เค้าจะไม่ปล่อยที่รักไปไหนอีกแล้ว”
เซลีนเบือนหน้าไปทางอื่น น้ำตาไหลพรากหากแต่ครั้งนี้มีความรู้สึกจริง ๆ แอบแฝง เธอดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ดีใจที่ในที่สุดก็เป็นไปตามแผน ทว่าลึกลงไปสุดใจเธอยังเศร้า... ถ้าใจมันลืมความเจ็บช้ำที่เขาทำไว้ได้ก็คงดี หญิงสาวค่อย ๆ แกะมือเขาออกแล้วถอยเท้าหนี
“ระหว่างที่แอ้มอยู่ที่นี่ เค้าจะกลับไปอยู่บ้านพ่อ” หลุบตาบอกเศร้า ๆ
“เค้าไม่ให้ไป” องศาพยายามจะกอดเธอไว้แต่หญิงสาวขยับห่างพลางยกมือปรามทำเอาใจแกร่งไหวสั่น น่าขำดีเหมือนกัน ไม่กี่เดือนก่อนเขายืนยันจะให้เซลีนออกจากบ้านเพื่อเก็บแอ้มไว้ ตอนนี้เจ้าหล่อนยอมจากไปแต่ใจเขากลับไม่ต้องการ
“เค้าอยู่แบบสามคนผัวเมียไม่ไหว” ว่าแล้วเซลีนก็หันไปพูดกับแอ้มข่มจิตสังหารเอาไว้ภายใต้ท่าทีเป็นมิตร “ถ้าแอ้มต้องการให้พี่ช่วยอะไรเรื่ององศาบอกได้นะ พี่ยินดีทำถ้ามันจะทำให้คนที่เราสองคนรักมีความสุข”
เซลีนใจดีแบบนี้มันน่ากลัวเหมือนทะเลสงบก่อนเกิดคลื่นยักษ์ แต่แอ้มก็พยักหน้ารับแหย ๆ องศาคว้าข้อมือภรรยาที่เตรียมจะออกไปแต่เธอกลับสะบัดออก
“เดี๋ยวเค้าให้คนของพ่อมาเก็บเสื้อผ้าแล้วกัน”
องศาเจ็บหนึบในหัวคล้ายถูกถ่วงด้วยตุ้มเหล็ก อยากกอดเธอไว้แนบกายให้นานที่สุดและนานตลอดไปแต่ในอ้อมกอดของชายที่มอบความอัปยศให้กันมันคงไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขได้สนิทใจ องศามองตามหลังร่างบอบบางเดินจากไปพร้อมเสียงสะอื้น ในใจเกิดความสงสัยมากมาย ถ้าวันนั้นเขาตั้งตารอวันของเราอย่างจริงใจ ถ้าเขาไม่ใจร้ายหักหลังเธอแล้วยอมให้แอ้มเข้ามาเหยียบย่ำหัวใจของเธอ เซลีนยังจะอยู่กับเขาได้ไหม
สำหรับเซลีนนั้นแน่นอนว่าได้ แต่มันไม่มีวันเกิดขึ้นเพราะองศาเลวร้ายกับเธอเหลือเกิน ใจเธอลืมมันไม่ไหว ภาพที่แอ้มขย่มเขายังวนเวียนหลอกหลอนอยู่ทุกครั้งที่หลับตา เตียงหลังนั้นที่มีกลิ่นผู้หญิงคนอื่นมันทำให้เธอหลับไม่ลงในแทบทุกคืน และแน่นอน... ความเจ็บแค้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกนาทีที่เธอนึกถึงมัน ตอนนี้เธอแค่อยากเห็นคนอย่างองศาคลั่งรักเธอจนอกแตกตาย
‘เขาบอกกับยัยแอ้มว่าเขารักพี่ด้วยนะ’ คำบอกเล่าของหมอธารที่แอบฟังองศาตัดสัมพันธ์กับแอ้มผ่านสายโทรศัพท์เมื่อวาน
‘ดี’
‘แล้วยังไง’
‘ดีก็คือดีไง ก็ไม่ยังไง’
‘พี่ไม่ดีใจเหรอ’
‘ดีใจสิ’
‘แล้วจะไม่เสียใจทีหลังเหรอที่ทำแบบนี้’
‘ที่ผ่านมามันเกินคำว่าเสียใจไปแล้วนุ้ง จะเสียใจยิ่งกว่านี้อีกไม่เห็นเป็นไร’
‘นับถือใจพี่มากเลยอ่า... แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ถ้าเสียใจอีกเดี๋ยวนุ้งพาไปเมาล้างซวย แล้วจะบอกว่านุ้งมีผู้งานดีให้พี่เลือกเพียบเลย เด็ดดวงกว่าอิองหลายเท่า’
‘ขำว่ะ’ ขำที่เธอกับยัยนุ้งธารมาถึงจุดนี้ และที่ขำยิ่งกว่าก็ตรงสรรพนาม อิอง ที่ใช้จนชินไปแล้ว
‘นุ้งรู้ว่าพี่เข้มแข็ง เรื่องแค่นี้เอง เจ๊เซลผ่านไปได้สบาย ๆ อยู่แล้ว’
ดังนั้นต่อให้ต้องเจ็บกว่านี้เธอก็จะเดินตามแผนต่อไป พอพ้นจากประตูเจ้าหล่อนก็ยกมือปาดน้ำตา ระหว่างทางสู่เป้าหมายเราอาจหวั่นไหวและอ่อนแอเป็นธรรมดา แต่แววตาเธอแน่วแน่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเตรียมไว้ปิดเกม
พักหลังกระทิงไม่เห็นภาพที่องศาจะนั่งหน้าบาร์แล้วกระดกเหล้าเหมือนกระดกน้ำเลย ชวนเมื่อไหร่ก็บอกแต่ว่าไม่ว่าง แต่ขยันลงภาพดินเนอร์ริมสระบ้างละ นอนดูหนังบ้างละ หรือไม่ก็ออกไปนั่งดื่มที่ในร้านอาหารรูฟ
ท็อป และทุกที่ก็จะต้องมีเซลีนไปด้วย หากครั้งนี้นักพยาธิวิทยาหนุ่มกลับไม่เห็นแม้เงาเธอ ทั้งที่เพื่อนเขาแทบจะห่างเมียไม่ได้อยู่แล้ว
“ไอ้สองนอล่ะ” องศาหมายถึงนิกม์กับอรรณพ เพื่อนอีกสองคนในกลุ่ม
“ติดเคสทั้งคู่”
“เค” ตอบรับแค่นั้นแล้วก็กระดกเหล้าต่อ ไม่สนใจกระทิงเลยสักนิดจนเพื่อนอดถามไม่ได้
“ทะเลาะกับเมียเหรอวะ”
“นิดหน่อย” องศาคลึงแก้วเหล้าไปมา ไม่ได้สนใจเพื่อนด้วยซ้ำ เหมือนมันแค่ตั้งใจมาดื่ม
คำตอบขององศาทำให้กระทิงมองอย่างเป็นห่วง เพื่อนในกลุ่มจะรู้ดีว่าปกติมันไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง ยิ่งเรื่องชีวิตคู่ยิ่งไม่เล่าถึงพวกเขาจะเห็นว่าหลังแต่งงานมันไม่ค่อยมีความสุขก็ตาม คำว่า ‘นิดหน่อย’ ของมันพวกเขาจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร ปกติองศาไม่คุยเรื่องส่วนตัว ได้แต่แนะนำให้ปรับความเข้าใจกัน
“ทำไมไม่ไปเคลียร์กันล่ะ”
“พยายามอยู่ว่ะ” วันนี้เซลีนลางานทำให้ไม่ได้เจอกันเลย ก่อนจะมาที่นี่เขาติดต่อเมียรักทุกช่องทางแต่ไม่สำเร็จเลยตามไปที่บ้าน คุณศราพ่อตาเขาบอกว่าเจ้าหล่อนออกไปกับธารี เพิ่งรู้ว่าสองคนนี้รู้จักมักจี่กันแล้วก็ไม่รู้ปลายทางคนทั้งสองจะเป็นที่ไหน จะมีใครรอเธออยู่หรือเปล่า
แล้วถ้าใครคนนั้นคู่ควรกับเธอมากกว่าคนเลวอย่างเขา องศาคงต้องปล่อยมือจากเซลีนจริง ๆ อย่างนั้นหรือ เขาเลือกที่จะอยู่กับเธอต่อไปได้ไหม ขอแค่โอกาสให้คนใจร้ายอย่างเขาได้แก้ตัว
กระทิงเห็นท่าทางเหม่อลอยหม่นหมองของคนที่เรียกได้ว่า ‘มั่นหน้า’ เกินหน้าเกินตาเพื่อนในกลุ่มแล้วแอบขำ
“เหมือนหมาเลยว่ะมึง” พูดพลางรินเหล้าให้ตัวเองแล้วยกดื่มทีเดียวหมด
“อะไรวะ” องสานิ่วหน้ามองกระทิง คนที่เพิ่งดื่มเหล้าปริ่มแก้วเข้าไปทำหน้าเบ้เพราะรสเหล้าบาดคอ
“หอนเหมือนหมาไง”
หอนเหมือนหมา... น่าขำชะมัด องศาไม่เคยคิดว่าเซลีนจะเด็ดดวงพอจะทำให้เขาหอน แต่ตอนนี้หมาจรทั้งซอยยังหอนดังไม่เท่าเขาเลย
“อะไรทำมึงคลั่งรักยัยเซลได้ขนาดนี้นะ... กูต้องไปถามมันบ้างละว่าทำเสน่ห์หมอไหน”
กระทิงเอียงคอมองเพื่อนรักด้วยอยากแกล้ง เพราะรู้ดีว่าเซลีน new look คือผู้หญิงในไทป์ที่องศาถวิลหา หรือจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า ตัวตนที่แท้จริงของเมียมันนั่นแหละที่มัดใจมันได้
“เหี้ยทิง” องศาพยักพเยิดไปทางสาวสวยที่ชูแก้วให้ “คืนนี้กูจะได้ดื่มคนเดียวอีกแล้ว”
“สงสารเพื่อนจังว่ะ”
กระทิงยิ้มเจ้าชู้มองสาวงามหน้าหวานแต่จริตจะก้านชนะสาวเปรี้ยวแบบกินขาดซึ่งเป็นประเภทที่ตนสนใจ
“แต่ช่วยไม่ได้นะ เพราะน้องเขาก็เหงา”
ว่าแล้วกระทิงกลัดมันก็วิ่งตามผ้าสีแดงไปที่โต๊ะสาวงาม คืนนี้มันต้องไปหมดแรงอยู่ที่โรงแรมสักแห่งเป็นแน่ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะองศาอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ในหัวคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เซลีนกลับมา ส่วนแอ้มถ้าอยากอยู่บ้านหลังนั้นก็ให้หล่อนอยู่ไป เพราะเขาออกมานอนที่คอนโดซึ่งซื้อไว้ก่อนจะแต่งงาน
สายตาองศาเหลือบไปเห็นร่างบางระหงของใครคนหนึ่งบนฟลอร์ เจ้าหล่อนสวมชุดเปิดหลังขาวนวลโยกกายตามจังหวะเพลงขณะที่หนุ่มหล่อสวมกอดหล่อนแนบชิด แม้มองจากทางด้านหลังแต่เขาก็จำได้ว่าเป็นเซลีน ชายหนุ่มเดินฝ่าผู้คนแล้วเข้าไปกระชากข้อมือเจ้าหล่อนออกมา
ใบหน้าสวยจัดจ้านที่หันมองเขาอย่างตกใจทำให้องศารีบปล่อยมือหล่อนหากไม่อยากโดนหนุ่มหล่อกับพวกสอยจนร่วง
“ขอโทษครับ ผมทักคนผิด”
องศาเดินคอตกด้วยความผิดหวัง คนบนโลกนี้อาจจะคล้ายกันได้หลายคน แต่สุดท้ายคนที่เขาต้องการก็มีแค่เซลีน... ไม่ว่าใครก็แทนที่เมียรักของเขาไม่ได้ทั้งนั้น เขาอยากให้เธอเข้าใจ ใช่ว่าเก็บไปคิดเองเออเองแล้วยัดเยียดใครเข้ามาในชีวิตเขาก็ได้
องศารู้ในทันทีว่าเมียเขาคิดเองเก่งแค่ไหนก็ตอนที่กลับคอนโดแล้วเจอแอ้มนอนรออยู่บนเตียงด้วยชุดนอนของเซลีนที่โคตรเซ็กซี่
“เข้ามาในนี้ได้ไงแอ้ม”
“พี่เซลีนให้กุญแจมา” หล่อนบอกหน้าระรื่น
แต่หล่อนไปเจอเซลีนที่ไหนในขณะที่เขาคลาดกันไปมา อีกอย่างหล่อนเรียก ‘พี่เซลีน’งั้นหรือ เมียน้อยเมียหลวงสามัคคีกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟังแล้วสยองชะมัด
“เราสองคนตกลงกันแล้วว่าเราจะทำให้องศามีความสุขที่สุด”
“ไร้สาระ!!!”
องศาอยากจะบ้าตาย พวกเธอเห็นเขาเป็นเจ้าขุนมูลนายที่ต้องมีเมียเล็กเมียใหญ่คอยเอาอกเอาใจงั้นหรือ
นี่มันสมัยไหนกันแล้ว!
จริงอยู่เขามีเมียน้อย แต่นั่นเพราะเขาไม่เคยได้แตะต้องเมียหลวงเลยต่างหาก เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีความอดทนสูงเขารู้ตัวดี หากลึกในใจยังรู้สึกผิดและอยากหย่าเมียเพื่อปลดพันธะนั้นออกไปเพราะอย่างไรเสียการมีผัวเดียวเมียเดียวก็คือสิ่งที่เขายอมรับ แต่พอได้ลิ้มชิมความหวานของร่างกายเซลีน เขาก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
องศาไม่ได้อยากหาความชอบธรรมให้ตัวเองหรอก สิ่งที่เขาทำมันชั่วช้าเลวทรามเหมือนไม่ใช่คน และเขารู้ดีปัญหานี้คงไม่จบง่าย ๆ แต่ว่าเขาพอแล้ว... เขาจะหยุดที่เมียรักคนเดียว
ชายหนุ่มไปหยิบหมอนจากในตู้มาหนึ่งใบแล้วเดินออกไปจากห้อง ร่างสวยในชุดนอนเย้ายวนใจลุกตามเขาไป นึกว่าองศาจะนอนโซฟาด้านนอกเสียอีกหล่อนจะได้ลักหลับ คนอย่างเขาน่ะปากบอกว่าไม่ แต่ถ้าเจ้านั่นตื่นตัวเมื่อไหร่เขาก็พร้อมสู้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว
แต่ไม่เป็นอย่างที่หล่อนคิด เพราะเขากำลังจะออกจากห้องไป แอ้มวิ่งไปสวมกอดองศาจากทางด้านหลัง ใบหน้าที่แนบกับแผ่นหลังร้อนระอุนั้นกำลังมีน้ำตา
“อย่าทิ้งแอ้มไปไหนเลยนะคะ แอ้มรักคุณมากจริง ๆ แอ้มยอมทิ้งทุกอย่างก็เพื่อคุณนะ”
เขาไม่เข้าใจที่หล่อนพูดเลยแถมไม่ได้ซาบซึ้งใจกับความรู้สึกเกินขอบเขตที่เขากำหนดไว้ มือใหญ่ค่อย ๆ ดึงแขนที่โอบรัดรอบเอวออกแล้วบอกกับเธอว่า
“ผมรักเมียผม”
เหมือนฟ้าผ่าลงที่กลางหัวใจ เซลีนมีดีอะไรเขาถึงได้รักได้หลงทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนนั้นเลย หรือเป็นเพราะเรื่องบนเตียงที่พอเขาได้ลิ้มลองลีลาใหม่แล้วก็เลยอาจจะหลงลืมสิ่งดี ๆ อย่างหล่อนไป
“ให้มันรู้กันไปสิคะว่าองศาจะเลิกรักเธอไม่ได้ แอ้มเก่งกว่าเธอตั้งหลายอย่างคุณก็น่าจะรู้ดี อยากได้แบบไหนขอแค่บอกมาเท่านั้นเอง” เธอไม่ยอมคลายกอดแต่กลับรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเริ่มพรมจูบแผ่นหลังหนาใหญ่ มือก็พยายามสอดไปใต้กระดุมกางเกงของเขา องศาต่อต้านทันที นอกจากไม่น่าพิศวาสแล้ว หล่อนยังน่ารำคาญอีกด้วย องศาสะบัดหล่อนออกอย่างแรงแล้วหันไปตวาดลั่น
“อย่าทำตัวไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้นะแอ้ม”
“ถ้าเพื่อให้ได้องศากลับคืนมา ต่อให้เสียศักดิ์ศรียิ่งกว่านี้แอ้มก็ยอม”
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วก็ปลดชุดนอนสายเดี่ยวออกจากไหล่มน เขาถึงได้รู้ตอนนั้นว่าหล่อนไม่สวมชุดชั้นใน ความงดงามแสนจืดชืดในความรู้สึกเขาปรากฏต่อสายตาองศา และเขากลับเห็นภาพของเซลีนซ้อนทับคนตรงหน้า
เขาคิดถึงเมียรักทุกเวลา ต่อให้มีผู้หญิงแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าก็ไม่อาจพัดพาความโหยหาที่เขามีต่อเธอออกไปได้เลย
“ไปหาไวเบรเตอร์สักอันแล้วช่วยตัวเองซะ อย่ามาทำตัวทุเรศ ๆ ให้ผมระคายลูกตา”
คำพูดแสนเย็นชาคล้ายใบมีดคมปลาบกรีดเฉือนหัวใจ แอ้มทรุดลงกับพื้นร่ำไห้ หญิงสาวกอดขาใหญ่เอาไว้ทว่าองศากลับไม่เห็นใจ
“อย่าทิ้งแอ้มไปเลยนะ ไหนบอกจะหย่ากับเซลีนแล้วมาอยู่กับแอ้มไง”
เขาบอกตอนไหนว่าจะทำอย่างนั้น แค่พูดว่าอยากมีอิสระจะได้มีความสุขกับผู้หญิงที่ถูกใจได้แบบไม่ผิดบาป แล้วหล่อนเองก็เป็นคนเสนอตัวว่าจะทำให้เขาพอใจแบบไม่ผูกมัด ตอนนั้นเขาแค่ชอบหล่อนมากกว่าใคร ๆ ที่เขาคั่วอยู่ก็เท่านั้นเอง
“คุณนี่มันยิ่งกว่าปลิงซะอีกนะ”
ส่วนเมียรักของเขาก็เป็นนางฟ้านางสวรรค์กลับชาติมาเกิดหรือไง ใจกว้างจนน่าใจหาย ดูก็รู้เธอเสียใจกับเรื่องนี้มากทำไมต้องใจร้ายกับตัวเองขนาดนี้ องศาจึงสะบัดแอ้มออกแล้วเดินจากไป
เพราะสำหรับเขาแล้วถ้าพูดว่าจบมันก็ต้องจบ และเมื่อเขาบอกกับตัวเองว่าพอ ก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นส่วนเกินของหัวใจอีก
ส่วนแอ้มนั้น หล่อนเสียใจแค่นี้มันไม่ได้น่าเห็นใจไปกว่าเซลีนที่ถูกทรยศมานับปี ไหนจะตอนนี้ที่ทำเรื่องบ้า ๆ เพราะจะทำให้เขามีความสุขอีก เซลีนไม่รู้หรือไรว่าความสุขของเขาขอแค่มีเธอคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
+ + +
มีหลายวิธีที่จะทำให้เซลีนกลับมา แต่ตอนนี้องศาคิดไม่ออก ทางที่ง่ายที่สุดคงเป็นการดักรอหน้าบ้านพ่อตากลางดึกแบบนี้ ถ้ากลับไปนอนที่บ้านแอ้มคงตามไปอีก แถมคงนอนไม่หลับเพราะยังไม่ได้อธิบายให้เมียรักฟัง
ในที่สุดบีเอ็มดับบลิวที่คาดว่าเป็นของธารีก็แล่นมาชะลอความเร็วหน้าประตูรั้ว องศารีบลงจากรถไปเคาะกระจกข้างคนขับ เซลีนมองเขาผ่านกระจกฟิล์มทึบ มุมปากสวยแสยะยิ้มเมื่อเห็นเขาหมดท่าขนาดนี้ แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าอย่างรวดเร็วตอนลดกระจกลง
ตอนนั้นเองที่องศาได้รู้ว่าเจ้าของรถไม่ใช่ธารีแต่เป็นธชา เขาถึงกับนิ่วหน้า ไหนคุณศราบอกว่าเจ้าหล่อนไปกับธารีอย่างไรเล่า
“ทำไมอยู่ด้วยกันได้ครับ” เขามั่นใจว่าเสียงตนไม่ได้ห้วนจนทำเมียรักระคายหู สายตามองทั้งคู่สลับกัน แต่ธชากลับยกยิ้มมุมปากแล้วทำมองไม่เห็นเขา
“เราไปปาร์ตี้คอนโดยัยลันมาน่ะค่ะ” เธอหมายถึงชลันดา เพื่อนอีกคนซึ่งเป็นศิลปินอิสระและติดบ้าน
“ว่างจังเลยนะ” องศายังไม่เลิกจ้องธชาแถมกดเสียงต่ำ ๆ อย่างลืมตัว ตั้งใจว่ากระทบฝ่ายนั้น
“ก็วันนี้เค้าลา” กลับเป็นเซลีนที่หัวร้อนขึ้นมา คำพูดของเขามันกระทบเธอด้วย องศาถึงกับเหลอหลาทำอะไรไม่ถูก ด้านเซลีนพยายามไม่ใส่ใจ
“ครับ หมอเปิ้ลบอกเค้าแล้ว” เขาพูดเสียงอ่อนน่าสงสาร เซลีน
พยายามไม่ใส่ใจแล้วถามเขาแทน
“บี๋มาทำอะไรที่นี่คะ ทำไมไม่อยู่กับน้องแอ้ม”
คำว่า ‘น้องแอ้ม’ ทำองศาหน้ามุ่ย ญาติดีกันถึงขั้นเป็นพี่น้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่กี่เดือนก่อนยังตบกันอยู่เลยไม่ใช่หรือ พาให้เขาอยากจับเธอมาเขย่าแรง ๆ จะได้เลิกใจกว้างแล้วหยุดพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้เสียที
“เลิกพูดเรื่องคนอื่นซะทีเถอะที่รัก เราต้องคุยกันนะ”
“มันดึกแล้วค่ะ เค้าง่วง” เธอแกล้งบอก เห็นเขาเกาะกระจกแบบนี้นึกถึงหมาจรจัดที่เธอเคยแวะให้อาหาร แต่เขาก็ไม่ต่างกับมันเท่าไหร่... เพียงแต่เธอเลี้ยงเขาด้วยความอ่อนโยนแสนหวานจนเขารู้ตัวอีกทีก็ขาดเธอไม่ได้เสียแล้ว
“แค่แป๊บเดียวเองครับ” องศาอ้อนวอน “นะครับ...”
แววตาเศร้าสร้อยน่าเห็นใจเหมือนน้ำอุ่นละลายความเย็นเยือกในจิตใจเซลีนทีละน้อย แต่พอนึกถึงภาพเขากับแอ้มเริงรักกันบนเตียงของเธอ หญิงสาวก็กดความรู้สึกนั้นลงไปในใจร้าว
“เอาไว้วันหลังนะคะที่รัก” คำปฏิเสธหวานละมุนช่างขัดกับแววตาเย็นชา นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับจุมพิตที่เธอฝากไว้ก่อนเธอจะบอกให้ธชาขับเข้าไปในบ้าน มันสร้างความสับสนงุนงงให้องศาอย่างหนักจนเขาต้องโทร.ไประบายกับเพื่อนทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
“มึงว่าเมียกูต้องการอะไรกันแน่วะ”
องศาเอ่ยถาม พลางแตะที่ปากตัวเองแล้วเอามือมาดม กลิ่นของเมียเขายังติดอยู่และมันเป็นเสียยิ่งกว่าสารบำบัด เพราะมันทำให้เขาคลายกังวลกับเรื่องต่าง ๆ ได้บ้าง
‘มึงนี่มันปลาตายน้ำตื้นจริง ๆ ไอ้อง’
“เหรอวะ” เขาขานรับท่าทางเหม่อลอย เพราะกำลังเคลิบเคลิ้มคล้ายล่องลอยในปุยเมฆ
สิ่งที่เขาดูออกก็คงจะมีเพียงเมียเขาเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ เป็นแสงไฟนำทางชีวิตที่มืดบอดของเขา เป็นผู้หญิงน่าสงสารที่รักเขามากและเขาอยากชดเชยความผิดด้วยความรักและทั้งชีวิตของตัวเองนั่นแหละ นอกนั้นเขาคิดไม่ตกจริง ๆ
เพราะบางครั้งเจ้าหล่อนก็ทั้งรักและต้องการเขา แต่บางคราวก็ทำราวกับว่าเขาเป็นสิ่งของ จะผลักไสยัดเยียดให้ใครก็ได้ตามอำเภอใจ มีบ้างที่เขาคิดอย่างน้อยใจว่าตนมีค่ากับเธอแค่ตอนอยู่บนเตียง
‘ดูไม่ออกเหรอ เซลกำลังปั่นหัวมึงอยู่’ นิกม์เอ่ยผ่านสายโทรศัพท์
เขารู้สึกได้ตั้งแต่เซลีนกลับมาทำงานด้วยลุคใหม่ที่อรรณพบอกว่านั่นแหละคือตัวตนที่แท้จริงของเซลีน แถมท่าทางองศาก็แปลกไป จากที่ไม่เคยสนใจกลายเป็นคลั่งรัก ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเพื่อนเขาก็เชื่อหมดทุกอย่าง
“พูดซะเมียกูน่ากลัวเลยไอ้นี่”
‘ก็คงจะน่ากลัวแค่เมียมึงนั่นแหละ’
“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงไม่มีปัญหาแบบนี้เลยใช่มะ”
‘ก็กูไม่ได้ผูกปิ่นโตไปทั่วอย่างมึง’
นิกม์ไม่คิดว่าเพื่อนจะเจอปัญหาใหญ่ ผู้ชายอย่างมันลงสนามรักมานักต่อนักไม่มีสักครั้งที่มันจะเป็นฝ่ายวิ่งตาม แต่ลองคิดว่าถ้าคู่ต่อสู้ในสนามเป็นผู้หญิงอย่างเซลีน มันก็น่าสยดสยองอยู่เหมือนกัน...
ด้านองศาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาอิจฉาเพื่อนที่ดูสุขกายสบายใจกับผู้หญิงของตัวเองแถมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะต้องมาระบายเรื่องแบบนี้กับนิกม์เลยสักนิด
‘ง้อธรรมดาไม่ได้ ก็ลองง้อบนเตียงดูไหมอง’
“คงได้หรอก” ดูแล้วยากกว่าอีก เพราะเข้าถึงตัวเมียรักไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ทำได้แค่นั่งอยู่ในรถมองไปยังหน้าต่างห้องของเธอก็เท่านั้น แล้วถ้าจะให้ปล้ำ มีหวังเซลีนฆ่าเขาตายพอดี
‘งั้นกูก็จนปัญญาแล้วว่ะ’
เอาใจผู้หญิงเป็นเรื่องยากแค่ไหน การงอนง้อมันยากกว่าหลายเท่า ขนาดเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างองศายังหมดท่าขนาดนี้ก็คงไม่มีคำตอบที่ดีพอจากนิกม์ ทั้งคู่คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนองศาจะวางสายแล้วตัดสินใจนอนในรถ
ขณะนั้นเซลีนยืนจิบบรั่นดีบนระเบียงบ้านทรงโรมันโดยคุณศราผู้เป็นพ่อดื่มเป็นเพื่อน เซลีนคอแข็งก็จริง แต่อย่างไรเสียร่างกายเธอก็หาได้ทำจากทองแดง หญิงสาวดื่มจากข้างนอกมาแล้วตอนนี้เลยมีอาการกรึ่ม ๆ
มันคือการดื่มย้อมใจ...
หญิงสาวมองไปยังรถสามีแล้วแสยะยิ้ม เวลาคนเราคลั่งใครมาก ๆ แต่มารู้ทีหลังว่าทั้งหมดที่เคยได้สัมผัสเป็นเพียงเรื่องโกหกแล้วจะรู้สึกอย่างไรกันนะ... จะเจ็บปวดเหมือนที่เธอรู้สึกหรือเปล่า
“ไม่น่าเชื่อว่าลูกจะทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้” คนเป็นพ่อพูดขึ้น หญิงสาวนึกขันที่ใครต่อใครก็พูดเหมือนเธอดูร้าย
แต่ไม่เป็นไร... เพราะนั่นแหละคือเธอ... คือเซลีนที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้ เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจเมื่อเราเป็นตัวของตัวเอง คิดพลางเอียงหน้าไปถูไหล่พ่ออย่างออดอ้อน
“ก็ตอนนี้หนูเป็นในแบบที่เขาแพ้ทางนี่คะ”
ก่อนหน้านี้เธอคิดเองเออเองทั้งหมดว่าเมียที่ดีคือแม่บ้านแม่เรือนเหมือนมารดาผู้ล่วงลับของเธอ ท่านเป็นแม่บ้านแม่เรือน กุลสตรีเรียกแม่ พ่อเธอถึงได้หลงรักหัวปักหัวปำแม้แม่จะจากไปแล้วพ่อก็ไม่เคยมองหญิงไหน กับองศาเธอเลยกลัวว่าหากเขาเห็นอีกด้านของเธอแล้วเขาจะจากไป
เธอรักเขามากจริง ๆ
มากจนไม่อยากเสียเขาไป
และตอนนี้ก็แค้นมากเสียจนยอมไม่ได้ถ้าเขาจะไปมีความสุขกับใครบนความทุกข์ของเธอ หรือถ้าจะไป... เขาต้องได้บทเรียนเสียก่อนว่า ลองดีกับผู้หญิงที่ชื่อเซลีนแล้วจุดจบเป็นอย่างไร
“ใกล้แล้วสินะ”
“ค่ะ อีกอึดใจนึง” หญิงสาวคลึงแก้วไวน์เบา ๆ ก่อนส่งเข้าปากทีเดียวจนหมด ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาแอ้ม “ฮัลโหลน้องแอ้ม”
‘คะ... ค่ะ’ เสียงปลายสายทำให้มั่นใจเลยว่าแอ้มกำลังร้องไห้ มุมปากเซลีนกดยิ้ม ช่างน่าสมเพชเสียจริง...
“ตอนนี้องศาอยู่ที่หน้าบ้านพี่ น้องแอ้มมารับเขาได้ไหม เขาเหมือนจะนอนในรถเลยค่ะ พี่จะให้เขาเข้ามานอนในบ้านพี่ก็ได้ แต่พี่กลัวจะเป็นการให้ความหวังเขาน่ะ ยังไงซะพี่ก็จะหย่าแล้วให้น้องแอ้มดูแลเขาต่อไปอยู่แล้ว”
‘ดะ... ได้ค่ะ เดี๋ยวแอ้มไปค่ะ’ แม้จะเกลียดชังเซลีนมากแค่ไหน แต่เพราะความคิดของเซลีนมันจะทำให้หล่อนได้คะแนนจากองศา แอ้มจึงไม่ขัดอะไร
ดีเสียอีก... ยิ่งเขาเห็นว่าเมียหลวงใจร้ายมากแค่ไหน ใจเขาจะได้ฝักใฝ่กับเธอมากเท่านั้น ตอนนี้องศาอาจจะยังหลงเซลีนอยู่ แต่ให้เธอแผลงฤทธิ์ต่อไปอีกไม่นานรับรองเขาต้องกลับมาหาหล่อนแน่นอน
“อ้อ แล้วพี่จะไม่อยู่สองสามวันนะคะ ขอลาพักร้อนไปพักใจก่อนค่ะ น้องแอ้มอย่าลืมที่พี่บอกให้เตรียมนะคะ พี่เชื่อว่ามันจะต้องพิเศษแน่ ๆ เพราะน้องแอ้มทำมันด้วยใจ”
วางสายจากแอ้มไปแล้วเซลีนก็หัวเราะเบา ๆ แต่คนเป็นพ่อดูออกว่านอกจากสะใจแล้วเจ้าหล่อนยังซ่อนความเจ็บปวดไว้ หากแต่เธอใช้มันเป็นเชื้อเพลิงให้ความแค้นที่ฝังใจ
ท่านรู้ดีว่าลูกสาวเจ็บปวดเพียงใดและทางที่เลือกอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเธอได้ในอนาคต ทว่าท่านจะไม่พูดอะไร เพราะตั้งแต่เล็กจนโตท่านเลี้ยงลูกให้มีความมั่นใจ เธอสามารถคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองได้แม้ในเรื่องยาก ๆ แน่นอนว่าเจ้าหล่อนคงมีแผนรับมือกับอนาคตแล้วอย่างดี
ด้านองศาที่ไม่รู้ว่าความวุ่นวายกำลังจะมาก็หลับสนิทอยู่ในรถที่ลดกระจกลงรับออกซิเจน แต่ไม่นานแอ้มก็มาเคาะกระจกพร้อมยาทากันยุงในมือ ชายหนุ่มหัวเสียอย่างหนักอยากจะหนีไปให้ไกลแล้วทิ้งหล่อนไว้ตรงนี้ แต่เห็นแก่ที่หล่อนเป็นผู้หญิง เขาเลยพาหล่อนไปส่งที่บ้านเขาซึ่งเซลีนเป็นคนอนุญาตให้หล่อนอยู่ แล้วก็แอบหนีออกมาเปิดโรงแรมนอนไม่บอกใคร เพราะสาเหตุที่แอ้มตามไปถึงบ้านคุณศราได้ก็คงไม่ใช่เพราะใคร นอกจากแม่ยอดดวงใจของเขานั่นแล้ว
จากนั้นองศาก็แทบคลั่งเพราะเซลีนไม่มาทำงานสามวันแล้วทั้งที่เขาไม่อนุมัติวันลาเพิ่มจากวันแรกให้เธอด้วยซ้ำ แม้พยายามบอกตัวเองว่าเซลีนไม่ใช่ผู้หญิงมากรักหลายใจ แต่ความหวาดระแวงก็พาให้เขาสงสัยว่าเจ้าหล่อนจะไปกับธชาหรือเปล่า แต่ฝ่ายนั้นยังทำงานตามปกติเขาจึงโล่งใจ สอบถามชลันดาเพื่อนของเซลีนก็พบว่าไปด้วยกัน แต่เซลีนห้ามไม่ให้เขาตามหาเพราะขอทำใจ
“ฝามถามเซลหน่อยได้ไหมครับลัน ว่าเซลจะทำใจทั้งที่เรายังไม่ได้คุยกันงั้นเหรอ ไม่มีเหตุผลเลย เพราะยังไงผมก็จะอยู่กับเซลต่อไป ผมเสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เป็นเพราะผ---”
‘วางสายเถอะลัน’
เสียงของเซลีนแทรกขึ้นมาระหว่างที่เขายังพูดอยู่ ทำให้รู้ว่าชลันดาเปิด speaker phone อย่างที่เขาคาดไว้ แต่ปวดใจตรงที่เมียรักไม่ยอมฟังเขาเลย
‘เท่านี้ก่อนนะอง’
สายถูกตัดไปแล้ว องศาทิ้งตัวพิงพนักโซฟาในห้องทำงานพลางถอนหายใจหนักหน่วง เรื่องเขากับแอ้มก็ท่าทางจะไม่จบง่าย ๆ ซ้ำร้ายเซลีนที่ทำเหมือนจะยอมเขาทุกอย่างกลับตีตัวออกห่าง ทุกอย่างมันทำให้ความมั่นอกมั่นใจของเขาว่าจะคุมผู้หญิงทั้งสองคนนี้อยู่หมัดเลือนหายไปจนแทบไม่เหลือ
มันกลายเป็นว่าเขาในตอนนี้ถูกทั้งสองเล่นงานจนหัวหมุนแทน
ชายหนุ่มต้องเผชิญกับแอ้มที่ลงทุนมาทำงานร้านขนมหวานชั้นล่างของโรงพยาบาลกับคนที่หล่อนอ้างว่าเป็นเพื่อนทั้งที่เขาไม่เคยเห็นหล่อนพูดคุยกับฝ่ายนั้นสักครั้ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะได้อยู่ใกล้เขา
เขาก็ได้แต่หวังอยู่ลึก ๆ ว่าไม่ใช่ความคิดของเซลีนที่อยากทำให้เขามีความสุขมากที่สุด เพราะเขาไม่ต้องการเลยสักนิดเดียว!
เซลีนไม่ได้ไปไหนไกล เธอนอนที่บ้านพ่อ กลางวันไม่อ่านหนังสือก็ไปเดินห้างกับเพื่อน ตกค่ำก็ร่ำสุราตามประสาคนชอบ คราวนี้คุณศราไม่ได้ว่า ทั้งพฤติกรรมหรือการแต่งกายของเธอ แม้จะเคยหวงลูกสาวเหมือนไข่ในหิน แต่เซลีนอายุสามสิบสอง ผ่านการแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว ตราบใดที่บุตรสาวไม่ทำตัวเสื่อมเสียก็ให้เธอเป็นตัวของตัวเองดีกว่าบังคับอยู่ในกรอบ
วันนี้เธอมีนัดกับคนสำคัญ ผู้ซึ่งในงานระดมทุนคราวก่อนเธอแกล้งทะเลาะกับองศาจนไม่ได้ไปเจอเขาตามคำสั่งลุงโอบ จึงไม่แปลกใจถ้าวินธัยไม่พอใจเธอกับองศา หรือจะพูดให้ถูกคือไม่พอใจเธอมากกว่า เพราะในอดีตเธอกับหนุ่มใหญ่นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จแถมเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนคนนี้เกือบจะได้คบกัน แต่ด้วยวัยที่แตกต่างทำให้ทัศนคติไม่ตรงกันเลยต้องแยกย้าย
“ไม่คิดเลยนะว่าหนูเซลจะมาหาผมด้วยตัวเอง”
หนุ่มใหญ่ในชุดลำลองสบายตาเดินมาหาเซลีนที่นั่งรออยู่คลับเฮาส์ มือถือผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อแต่สายตาลุ่มลึกจ้องมองอดีตแสนหวานพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ เซลีนสวมเกาะอกเอวลอยคว้านลึกสีเหลืองพาสเทลทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวสบายตา ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าลินินสีครีม แม้ทั้งตัวไม่ใช่แบรนด์เนมทว่าพออยู่บนตัวเจ้าหล่อนแล้วมันกลับดูมีราคาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เห็นว่ามีคนอยากเจอน่ะค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
“ในที่สุดก็รู้ตัวสักทีนะครับ” คนที่เพลิดเพลินกับการมองจ้องไม้แขวนเลอค่าผายมือให้หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง “ถึงผมจะอยากให้อ้อมค้อมแค่ไหน แต่ผมเดาว่าคงทำไม่สำเร็จสินะครับ”
“ค่ะ” วินธัยรู้ดีเธอไม่ใช่คนประเภทนั้น ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบันเซลีนก็ชัดเจนในความต้องการของตัวเองเสมอ “เข้าเรื่องนะคะ ฉันอยากให้คุณทบทวนข้อเสนอของทางเราอีกครั้ง”
“จะให้ผมบริจาคให้โรงพยาบาลที่ผมไม่ชอบวิสัยทัศน์ผู้บริหารแถมผมก็มีที่อื่นอยู่ในใจแบบนี้ มันจะไม่ฝืนใจกันเกินไปหรือครับ”
“โรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลในบ้านเกิดคุณเชียวนะคะ”
“...” เขาเฝ้ารอประโยคต่อไปของเธอพลางจ้องเข้าไปในดวงตาเป็นประกายของหญิงสาว ราวกับถูกดึงดูดเข้าไปในหลุมที่ลึกที่สุดจนยากที่จะถอดถอนทั้งตัวทั้งใจ
“คุณเรียนจบที่นี่ คุณทุ่มเททำงานเพื่อสังคมทุกอย่างก็เพื่อพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง ยิ่งถ้าคุณบริจาคให้โรงพยาบาลของเราด้วย ฉันมั่นใจว่าคุณจะครองใจพวกเราทุกคนได้แน่ ๆ ค่ะ อีกทั้งเราจะลดภาษีให้คุณมากกว่าที่ที่อยู่ในใจคุณอีกนิดหน่อย”
“แล้วยังไงเหรอครับ?”
“พิสูจน์ให้พวกเราเห็นสิคะว่าเรามองคุณไม่ผิด”
คำพูดคำจาที่ฉลาดเฉลียวกอปรกับแววตาแพรวพราวมั่นใจนำพาร้อยยิ้มอับจนปรากฏบนใบหน้าของวินธัย ขณะเดียวกันเขาก็ชื่นชมเจ้าหล่อนจากก้นบึ้งของหัวใจ
“อันที่จริงผมยอมตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าหนูจะมาเจอผมแล้วแหละครับ แต่ผมแค่อยากเห็นวิธีของหนู”
เซลีนยิ้มพอใจ เธอจิบน้ำผลไม้สีหวานที่แคดดี้นำมาเสิร์ฟก่อนหยิบผ้าเช็ดปากมาซับปากเบา ๆ แล้ววางไว้บนโต๊ะ
“ขอให้มั่นใจได้เลยว่าทางเราและผู้บริหารของเราจะไม่ทำให้คุณวินผิดหวังค่ะ”
“ผมมั่นใจในตัวหนูอยู่แล้วครับ แต่ผู้บริหารน่ะผมไม่แน่ใจ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แค่เชื่อใจฉันก็พอค่ะ”
หญิงสาวยิ้มมีเลศนัยก่อนหยิบกระเป๋าแล้วขอตัวกลับ ทว่าแววตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำให้วินธัยเข้าใจบางอย่าง ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะน้อย ๆ อย่างพึงใจออกมาพลางหยิบผ้าเช็ดปากที่เจ้าหล่อนทิ้งไว้มาแตะจมูก สูดดมความหอมยั่วยวนนั้นเข้าปอดช้า ๆ
เซลีนนี่ร้ายกาจชะมัด! และไม่ว่านานแค่ไหนความร้ายกาจอย่างนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาจะได้มาครอบครอง...
ชีวิตที่ขาดเซลีนเหมือนต้นไม้ที่กำลังจะเฉาตาย องศาเพิ่งรู้ว่านอกจากจะรักหญิงสาวหมดทั้งใจแล้ว เขาไม่อาจขาดเธอได้เลย เซลีนเป็นทั้งชีวิตและลมหายใจ เขาคิดกับตัวเองอย่างจริงจังเลยว่าต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตามเขายอมทั้งนั้นขอแค่เธอกลับมา
“เมื่อไหร่ที่รักจะกลับมาครับ” ระหว่างที่เจ้าหล่อนอ้างว่าหลบไป ‘พักใจ’ เขาไม่ต้องตามหา มีครั้งนี้นั่นแหละที่เซลีนรับโทรศัพท์ ชายหนุ่มถือโอกาสออดอ้อนเสียยกใหญ่
‘อยากเจอเค้าขนาดนั้นเลยเหรอคะ’ ปลายสายถามเสียงหวานแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มหยามหยัน ให้อ้อนเหมือนหมาเสียบ้างจะได้รู้สึก
“มากกว่าอยากเจออีกครับ”
‘ที่แท้ก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า’
“ไม่ใช่นะที่รัก” เขารีบบอก กับผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมาอาจจะใช่ที่ว่าในหัวเขามีแต่เรื่องเซ็กซ์... แต่กับเซลีนมันไม่เหมือนกัน “เค้าคิดถึงเซลจริง ๆ”
‘อยู่กับน้องแอ้มยังมีเวลาคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอีกนะ ไม่เห็นใจน้องแอ้มบ้างเหรอ’
“อย่าพูดเหมือนตัวเองไม่รู้สึกอะไรเลยนะครับ แล้วก็เลิกยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ตัวเองเสียที”
‘…’
“เค้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่มีใครแทนที่รักได้ สัญญาสามเดือนที่เราตกลงกันไว้ที่รักลืมมันไปได้เลย เพราะเค้าจะเลิกกับแอ้มอย่างถาวร เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม อย่ายัดเยียดใครมาให้เค้าอีกเลย เพราะเค้ารักเซลมาก ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ”
รอยยิ้มของเซลีนเลือนหาย แม้จะเห็นคำบอกรักขององศาในข้อความนับร้อยที่เขาพยายามส่งเข้ามาและคิดว่าหัวใจชินชาจนแทบไม่รู้สึกแล้วแต่มันกลับไหวสั่นเมื่อได้ฟังจากปากเขา
ลึกลงไปเธออยากกระโดดกอดองศาแล้วเอ่ยขอบคุณในความรักที่เขามอบให้กัน แต่อีกส่วนของจิตใจกลับไม่สามารถลบลืมภาพวันนั้นได้เลย...
รักงั้นหรือ...
ตอนนั้นเธอก็รักเขาเหมือนกัน แต่รักให้ตายมันก็จบลงด้วยหัวใจช้ำ ๆ ที่ถูกเขาทำร้าย เธอถึงอยากให้เขาได้เจอแบบเดียวกัน
แล้วคนเราเมื่อรู้ตัวว่ารักในวันที่สายเกินไปเขาจะเป็นอย่างไรนะ ร้องเจ็บปวดเหมือนหมาหรือหลบไปเลียแผลใจอย่างเสือ เธอไม่รู้เลยว่าองศาจะเป็นแบบไหนแต่มันต้องสนุกแน่ ๆ
“เค้าก็รักบี๋เหมือนกันนะคะ คืนนี้ก็แค่อยาก happy birthday ล่วงหน้า แล้วเจอกันนะคะที่รัก”
พูดจบหญิงสาวก็ตัดสายไป หัวใจขององศาพองโตเมื่อได้ฟังคำว่ารักแต่มันเหมือนลูกโป่งที่ขยายอยู่ในรั้วหนาม สุดท้ายจึงระเบิดและมันรุนแรงเสียจนหัวใจอ่อนแอคล้ายจะหมดแรงเสียให้ได้
เธอก็รักเขาเหมือนกันอย่างนั้นหรือ
รักของเซลีนมันมีความหมายและสำคัญกับเธอแค่ไหนกัน เหตุใดเมียรักถึงได้หลบหน้าเขาซ้ำร้ายยังยัดเยียดคนอื่นเข้ามากั้นกลาง
รักของเธอกับเขามันยังเท่ากันอยู่หรือเปล่า...
